คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยแต่ละคนได้บังอาจใช้มีดแทงเขาตายโดยเจตนาจะฆ่า เมื่อนำสืบได้ว่าใครแทง ศาลก็ลงโทษเฉพาะผู้นั้น ส่วนที่โจทก์สืบได้เพียงว่าไปอยู่ในที่ วิวาทช่วยกลุ้มรุม แต่ไม่มีมีด ไม่มีพยานเห็นแทงจึงลงโทษไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่ได้ฟ้องว่าสมคบกัน เพียงแต่อ้างกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 63 ฐานสมคบอย่างเดียวไม่พอ ลงโทษไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2498 เวลา 18 น. จำเลยกับพวกที่หลบหนี 1 คน แต่ละคนได้บังอาจใช้มีดแทงนายแจ้งนายดอกไม้ตายโดยเจตนาจะฆ่า จึงขอให้ศาลลงโทษ

นายไม้จำเลยให้การรับสารภาพ จำเลยอีก 2 คน ปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยสมคบกันฆ่า ให้จำคุกจำเลยทุกคน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษนายไม้จำเลยคนเดียว เพราะจากคำรับสารภาพของนายไม้และมีพยานยืนยันว่านายไม้ได้ลงมือแทงนายดอกไม้ ส่วนจำเลยอีก 2 คนเพียงแต่ฟังว่าไปอยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่มีพยานยืนยันว่าเห็นเขาใช้มีดแทงทำร้ายใคร และทั้งโจทก์ก็ไม่ได้ฟ้องกล่าวหาว่าเขาสมคบกันทำผิด จึงให้ยกฟ้องนายเที่ยงและนายแหยมจำเลย

โจทก์ฎีกาว่าแม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องว่าสมคบซึ่งเป็นเพราะพลั้งเผลอ แต่โจทก์ก็อ้างมาตราขอให้ลงโทษฐานสมคบกันมา จำเลยไม่หลงต่อสู้ จึงถือได้ว่าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานสมคบกัน เมื่อโจทก์สืบได้ด้วย ศาลก็ควรลงโทษฐานสมคบกันได้

นายไม้จำเลยฎีกาว่าทำไปเพื่อป้องกันตัว

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงสำหรับนายไม้จำเลยไม่ใช่ทำเพื่อป้องกัน ส่วนการที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยแต่ละคนได้บังอาจใช้มีดปลายแหลมแทง จึงอาจเข้าใจว่าโจทก์มุ่งจะฟ้องว่าจำเลยต่างคนต่างทำและเมื่อไม่บรรยายว่าสมคบกัน จึงลงโทษฐานสมคบไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158

Share