คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยอายุ 25 ปี กระทำการลักทรัพย์พระเลี่ยมทอง 7 องค์ราคา 2,000 บาท ในเวลากลางคืนโดย ล้วงลักทรัพย์ของผู้เสียหายขณะที่ไม่ รู้สึก ตัว เป็นการกระทำโดย ไม่ยำเกรงต่อ กฎหมาย ตามพฤติการณ์ แห่งคดีไม่ควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1) (ที่ถูกเป็นมาตรา 335(1) วรรคแรก) ลงโทษจำคุก 1 ปี6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 วรรคแรก (1) ประกอบวรรคสองที่แก้ไขแล้ว และลงโทษปรับ 5,000 บาทอีกด้วย รวมเป็นจำคุก 1 ปี6 เดือน และปรับ 5,000 บาท จำเลยมีอาชีพเป็นหลักแหล่งและไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำความผิดมาก่อน ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอไม่ให้รอการลงโทษจำเลย ขอให้ยืนตามศาลชั้นต้นโดยอธิบดีกรมอัยการลงลายมือชื่อรับรองว่ามีเหตุอันควรที่ศาลสูงสุดจะได้วินิจฉัย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยมีอายุ 25 ปี กระทำการลักทรัพย์พระเลี่ยมทอง 1 องค์ ราคา 2,000 บาท ในเวลากลางคืนโดยล้วงลักทรัพย์ของผู้เสียหายในขณะที่ไม่รู้สึกตัว เป็นการกระทำโดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย ตามพฤติการณ์แห่งคดีไม่ควรลงโทษปรับและรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share