แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในชั้นยื่นคำฟ้องนั้น แม้กรรมการของบริษัทจำกัดแต่เพียงผู้เดียวลงชื่อแต่งทนายความ เป็นการไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัทก็ดี หากภายหลังได้มีการแต่งทนายใหม่โดยกรรมการของบริษัทจำกัดนั้นลงชื่อประทับตราถูกต้องครบถ้วนตามข้อบังคับแล้ว ศาลก็มีอำนาจอนุญาตให้มีการแก้ไขข้อบกพร่องเพื่อให้ฟ้องนั้นสมบูรณ์ได้ตามที่เห็นสมควร เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม และอำนาจอนุญาตให้มีการแก้ไขนี้ก็ต้องเป็นเวลาภายหลังที่ได้ยื่นฟ้องแล้วเป็นธรรมดา (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2506)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างปลายเดือนธันวาคม 2499 นายบุญเลิศบริบูรณ์ ซื้อไม้แปรรูปของโจทก์ไป 24 ครั้ง ยังค้างชำระเงินอยู่ 13,686 บาท นายบุญเลิศตาย จำเลยเป็นทายาท จึงฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินที่ค้าง
จำเลยให้การว่า นายบุญเลิศไม่ได้ซื้อไม้จากโจทก์ นางสาวทองคำไม่มีอำนาจฟ้องคดีในนามบริษัทโจทก์ซึ่งไม่เป็นนิติบุคคล
โจทก์ยื่นคำร้องอีกว่า ตามข้อบังคับของบริษัทโจทก์ กรรมการบริษัท2 นาย และนางสาวทองคำกรรมการผู้จัดการบริษัท ร่วมกันลงชื่อและประทับตราแทนบริษัทได้ โจทก์จึงยื่นใบแต่งทนายใหม่ โดยลงชื่อกรรมการและนางสาวทองคำประทับตราบริษัทตามข้อบังคับ
จำเลยแถลงคัดค้านว่า การรับรองทำใบแต่งทนายภายหลังไม่มีผล
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อำนาจของนางสาวทองคำที่ลงชื่อแต่ผู้เดียวในใบแต่งทนายแทนบริษัทโจทก์เป็นการบกพร่อง แต่ไม่ควรยกฟ้องให้โจทก์ฟ้องคดีใหม่ให้ยุ่งยากโดยไม่จำเป็น เมื่อโจทก์แก้ไขข้อบกพร่องโดยลงชื่อกรรมการและประทับตราถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัทโจทก์แล้ว ศาลจึงมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 66 ว่าอำนาจฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ไม่บกพร่อง เพราะโจทก์ได้แก้ไขแล้ว ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและเมื่อพิจารณาแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์ข้อที่จำเลยคัดค้านว่านางสาวทองคำไม่มีอำนาจฟ้องแทนบริษัทโจทก์ การรับรองภายหลังใช้ไม่ได้ และโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าบริษัทโจทก์เป็นนิติบุคคลแล้ว เห็นว่า โจทก์ฟ้องในนามบริษัทจำกัด แม้โจทก์จะไม่ได้บรรยายว่าเป็นนิติบุคคล ก็มีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 72(4) ระบุไว้แล้วว่า บริษัทจำกัดเป็นนิติบุคคล เมื่อจำเลยให้การคัดค้านความข้อนี้ โจทก์ก็ได้แสดงหลักฐานหนังสือรับรองของนายทะเบียนถูกต้องครบถ้วนแล้ว แม้ในชั้นยื่นคำฟ้อง นางสาวทองคำผู้เดียวลงชื่อแต่งทนายความของโจทก์เป็นการไม่ถูกต้องตามข้อบังคับของบริษัท ซึ่งจำเลยคัดค้านว่ากรรมการของโจทก์แต่งทนายใหม่ภายหลังใช้ไม่ได้ ศาลฎีกาได้ประชุมใหญ่พิจารณาปัญหาข้อนี้แล้ว เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 66 ถ้ามีผู้อ้างว่าเป็นผู้แทนของนิติบุคคลเมื่อศาลเห็นสมควรก็สอบสวนได้ เป็นอำนาจที่กฎหมายให้ไว้แก่ศาลโดยกว้างขวาง เมื่อใดศาลเห็นว่าผู้นั้นไม่มีอำนาจดังที่อ้างหรืออำนาจบกพร่อง ศาลมีอำนาจยกฟ้องหรือมีคำพิพากษาหรือคำสั่งอย่างอื่นได้ตามที่เห็นสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ในเรื่องนี้ เมื่อจำเลยคัดค้านอำนาจของนางสาวทองคำมาในคำให้การ แล้วโจทก์ก็ได้แต่งทนายใหม่โดยมีผู้แทนของบริษัทโจทก์ลงชื่อประทับตราถูกต้องครบถ้วนตามข้อบังคับศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม สมควรให้มีการแก้ไขข้อบกพร่องให้ฟ้องสมบูรณ์ ก็เป็นการสั่งตามอำนาจที่บัญญัติไว้ในกฎหมายดังกล่าวนั้นโดยถูกต้องสมควรแล้ว ข้อที่จำเลยโต้เถียงว่า โจทก์มิได้ยื่นคำร้องแก้ไขข้อบกพร่องพร้อมกับคำฟ้อง ตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 66 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้มาตรา 66 จะระบุถึงคำร้องที่ยื่นในขณะที่ฟ้องก็ดี แต่ก็บัญญัติให้อำนาจศาลไว้ด้วยในอันที่จะพิจารณาความข้อนี้ได้เมื่อเห็นสมควร โดยไม่จำกัดว่าจะพิจารณาได้เฉพาะเวลายื่นคำฟ้องเท่านั้นและการที่ศาลจะมีคำสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องตามอำนาจที่กฎหมายให้ไว้นี้ ก็ต้องมีคำสั่งภายหลังที่ได้ยื่นฟ้องไปแล้วเป็นธรรมดา ศาลฎีกาเห็นว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งในข้อนี้ชอบแล้ว
ฯลฯ
พิพากษายืน