คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2201/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในการขายทอดตลาด เจ้าพนักงานบังคับคดีได้เคาะไม้ครั้งที่ 1และครั้งที่ 2 หลังจากนั้นได้หยุดการขายไว้และเรียกโจทก์จำเลยกับผู้สู้ราคาสูงสุดเข้าไปสอบถาม และผู้สู้ราคาสูงสุดได้เสนอราคาเพิ่มขึ้นอีก รองอธิบดีกรมบังคับคดีได้อนุมัติให้ขายในราคาดังกล่าวเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงได้ทำการขานราคานั้นอีกครั้ง โดยเปิดโอกาสให้ผู้อื่นเข้าสู้ราคา แต่ไม่มีผู้คัดค้านและได้เคาะไม้เป็นครั้งที่ 3 ให้ขายในราคานั้น เป็นการปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบของกรมบังคับคดีอันเกี่ยวกับการขายทอดตลาด การขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมายแล้ว แม้ราคาขายทอดตลาดจะต่ำกว่าราคาประเมิน แต่เมื่อไม่ปรากฏพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นว่าเป็นการสมรู้กันกดราคา หรือกระทำโดยไม่สุจริต การขายทอดตลาดจึงชอบแล้ว.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 68034, 68035 แขวงบางนา เขตพระโขนง กรุงเทพมหานครพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยในที่ดินดังกล่าว เมื่อวันที่ 17พฤศจิกายน 2530 แก่ผู้ให้ราคาสูงสุดในราคา 560,000 บาท จำเลยยื่นคำร้องว่า ราคาที่ขายต่ำไป และการขายทอดตลาดไม่ชอบด้วยกฎหมายโจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดชอบแล้วขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น มีคำสั่งยกคำร้องของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงซึ่งไม่โต้แย้งกันรับฟังได้ว่าโจทก์ได้นำยึดที่ดินของจำเลยจำนวน 2 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างตามคำร้องเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาทรัพย์สินของจำเลยดังกล่าวนี้สำนักงานวางทรัพย์กลาง กรมบังคับคดี ประเมินราคาไว้เป็นเงิน1,054,800 บาท ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีได้นำออกขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2530 มีผู้สู้ราคา 2 ราย ให้ราคาสูงสุด470,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าราคาที่มีผู้เสนอไม่คุ้มกับหนี้ที่ค้างชำระ ให้ประกาศขายทอดตลาดใหม่ในวันที่ 28 กันยายน 2530เป็นครั้งที่สอง มีผู้สู้ราคา 3-4 ราย ให้ราคาสูงสุด 555,000 บาทเจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่าราคาที่เสนอไม่คุ้มกับหนี้ที่ค้างชำระอีก ให้ประกาศขายทอดตลาดเป็นครั้งที่สามในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2530ในครั้งนี้มีผู้สู้ราคา 2 ราย ผู้สู้ราคารายหนึ่งให้ราคาสูงสุด500,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีได้เคาะไม้ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 และได้หยุดการขายไว้แล้วเรียกให้โจทก์จำเลยพร้อมกับผู้สู้ราคาเสนอราคาต่ำไป ส่วนผู้สู้ราคาสูงสุดขอเพิ่มราคาขึ้นเป็นเงิน 555,000 บาท เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงทำรายงานการขายทรัพย์เสนอต่อรองอธิบดีกรมบังคับคดีพิจารณาอนุมัติให้ขาย ตามเอกสารหมายล.1 ระหว่างนั้นผู้สู้ราคาสูงสุดได้เสนอราคาเพิ่มขึ้นอีกรวมเป็นเงิน 560,000 บาท รองอธิบดีกรมบังคับคดีจึงอนุมัติให้ขายในราคาดังกล่าว ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขานราคาโดยเปิดเผยอีกครั้งหนึ่งแต่ไม่มีผู้คัดค้าน จึงเคาะไม้เป็นครั้งที่ 3ให้ผู้สู้ราคาซื้อไป
คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ข้อที่จำเลยอ้างว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้หยุดการขายทอดตลาดแล้วเรียกผู้สู้ราคาสูงสุดเข้าไปสอบถามเพียงลำพัง ผู้สู้ราคาสูงสุดจึดเสนอเพิ่มราคาให้ไม่ใช่เป็นการสู้ราคาตามวิธีการขายทอดตลาดนั้นพิเคราะห์แล้วได้ความว่า หลังจากที่เจ้าพนักงานบังคับคดีหยุดการขายทอดตลาดแล้วทำรายงานการขายทอดตลาดเสนอรองอธิบดีกรมบังคับคดีอนุมัตินั้น ผู้สู้ราคาสูงสุดได้เสนอเพิ่มราคาเป็น 560,000 บาทนายอมรศักดิ์ นพรัมภา รองอธิบดีกรมบังคับคดี ซึ่งเป็นพยานโจทก์เบิกความว่า เหตุที่อนุมัติให้ขายทรัพย์รายนี้ไปในราคา 560,000 บาทเนื่องจากมีการขายมาแล้วสองครั้ง การขายทั้งสองครั้งจำเลยได้คัดค้านไว้จึงได้กำชับให้จำเลยหาผู้มาสู้ราคาให้ได้ตามที่ต้องการ มิฉะนั้นจะพิจารณาให้ขายไปในราคาที่สมควร เมื่อการขายทอดตลาดในครั้งที่สามไม่ปรากฏว่ามีผู้สู้ราคาสูงกว่าราคาที่เสนอไว้แต่เดิม ประกอบกับเห็นว่าเป็นราคาที่สมควร จึงอนุมัติให้ขาย นอกจากนี้ นางสาวเสริมศรีผ่องศรี เจ้าพนักงานบังคับคดีซึ่งเป็นพยานของจำเลยก็เบิกความว่าหลังจากผู้ดำเนินการทอดตลาดได้ทำการขานราคาดังกล่าวอีกครั้ง เมื่อไม่มีผู้คัดค้าน จึงเคาะไม้เป็นครั้งที่ 3 ขายไปในราคาดังกล่าวอันเป็นการปฏิบัติตามระเบียบของกรมบังคับคดีโดยสมบูรณ์ ข้อเท็จจริงได้ความมาดังกล่าวนี้ จึงฟังได้ว่า การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ดำเนินการทอดตลาด ได้หยุดการขายทอดตลาดไว้เพื่อรอการอนุมัติให้ขายจากรองอธิบดีกรมบังคับคดี เป็นการปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบของกรมบังคับคดีอันเกี่ยวกับการขายทอดตลาด หาได้ปฏิบัติโดยมิชอบแต่อย่างใดไม่ ดังนั้น ในระหว่างที่ยังไม่มีการตกลงด้วยการเคาะไม้ผู้สู้ราคาจึงอาจจะถอนคำสั่งสู้ราคาหรือเสนอราคาให้สูงขึ้นต่อไปได้เพราะการขายทอดตลาดนั้นยังไม่บริบูรณ์โดยเป็นการพักไว้ชั่วคราวเมื่อผู้สู้ราคาไว้เดิมเสนอราคาสูงขึ้นก็ได้มีการขานราคาอีกครั้งหนึ่งเปิดโอกาสให้ผู้อื่นเข้าสู้ราคาก่อนการเคาะไม้แสดงความตกลง จึงเป็นการขายทอดตลาดโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว หาใช่ผู้สู้ราคาเสนอเพิ่มราคาโดยลำพังโดยไม่มีการสู้ราคาดังที่อ้างไม่ส่วนที่จำเลยอ้างว่าการขายทอดตลาดต่ำกว่าราคาประเมินของสำนักงานวางทรัพย์กลางเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่าเมื่อการขายทอดตลาดไม่มีพฤติการณ์อื่นใดที่ส่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการสมรู้กันกดราคาหรือกระทำการโดยไม่สุจริต การขายทอดตลาดนั้นจึงชอบแล้ว…”
พิพากษายืน.

Share