คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2199/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องสอดกับโจทก์มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามโฉนดตราจอง ร่วมกันซึ่งรวมทั้งที่พิพาทด้วย เมื่อจำเลยและจำเลยร่วมโต้แย้งสิทธิในที่พิพาทผู้ร้องสอดย่อมมีสิทธิร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้ เพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ ส่วนจะร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) หรือเข้าเป็นโจทก์ร่วมตามมาตรา57(2) ย่อมเป็นสิทธิของผู้ร้องสอดที่จะเลือก

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามฟ้อง ห้ามเกี่ยวข้องต่อไป ที่ดินตามโฉนดตราจองมีอาณาเขตตามแผนที่ท้ายฟ้องเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมของโจทก์และผู้ร้องสอดทั้งสาม ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยร่วมฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่จำเลยร่วมฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า ผู้ร้องสอดทั้งสามร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) เป็นการไม่ถูกต้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าผู้ร้องสอดทั้งสามกับโจทก์มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามโฉนดตราจองที่ 419 ร่วมกัน ซึ่งรวมทั้งที่พิพาทด้วย เมื่อจำเลยและจำเลยร่วมโต้แย้งสิทธิในที่พิพาทผู้ร้องสอดทั้งสามย่อมมีสิทธิร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความในคดีนี้ได้เพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ส่วนจะร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57(1) หรือเข้าเป็นโจทก์ร่วมตามมาตรา 57(2) ย่อมเป็นสิทธิของผู้ร้องสอดที่จะเลือก หาเป็นเหตุทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปไม่”

พิพากษายืน

Share