แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เงินค่าเข้าอยู่ในโรงแรมเป็นเพียงเงินค่าบริการที่ผู้เสียหายควรจะได้มาเท่านั้น ไม่ใช่ทรัพย์สินหรือราคาที่ผู้เสียหายได้สูญเสียไปเนื่องจากการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 345พนักงานอัยการจึงไม่มีสิทธิเรียกเงินดังกล่าวแทนผู้เสียหาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเข้าพักอยู่ในโรงแรมสหมิตร 1 ห้อง อัตราคืนละ 25 บาท โดยรู้ว่าตนไม่สามารถชำระค่าอยู่ในโรงแรมนั้น ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 355 และให้ใช้ค่าอยู่ในโรงแรม 25 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 355 วางโทษจำคุก 2 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78ให้จำคุก 1 เดือน แต่จำเลยไม่ได้เอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไป โจทก์จึงไม่มีอำนาจขอให้จำเลยใช้ค่าอยู่ในโรงแรมแก่ผู้เสียหาย ให้ยกคำขอนี้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีความผิดดังที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 นั้น จะต้องได้ความว่า ผู้เสียหายในคดีนั้น ๆ ได้สูญเสียทรัพย์สินหรือราคาไปเนื่องจากการกระทำผิดในคดีต่าง ๆ นั้นแล้ว ผู้เสียหายจึงจะมีสิทธิเรียกร้องทรัพย์สินหรือราคาคืนมา แต่การกระทำผิดในคดีนี้เป็นเพียงผู้เสียหายให้บริการแก่ผู้เข้าพักอาศัยในโรงแรม ซึ่งผู้พักจะต้องให้ค่าเข้าอยู่ในห้องพักเป็นค่าตอบแทน เมื่อจำเลยไม่มีเงินจะให้ ก็ทำให้ขาดเงินค่าบริการที่ควรจะได้มาเท่านั้น เงินค่าเข้าอยู่ในโรงแรมจึงไม่ใช่ทรัพย์สินหรือราคาที่ผู้เสียหายได้สูญเสียไปเนื่องจากการกระทำความผิดตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 43 โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะเรียกเงินค่าเข้าอยู่ในโรงแรมจำนวน 25 บาทตามฟ้องแทนผู้เสียหาย
พิพากษายืน