แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าของเหมืองมอบหมายให้จำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานเป็นผู้ดูแลบ้านในขณะที่เจ้าของเหมืองไม่อยู่ ตำรวจค้นพบอาวุธปืนเอช. เค. 33 พร้อมกระสุนปืนในบ้านพักของเจ้าของเหมือง แม้จะได้ความว่าเจ้าของเหมืองได้มอบอาวุธปืน ฯ นั้นให้จำเลยเอาไว้ควบคุมคนงาน แต่จำเลยมิได้ใช้หรือยึดถืออาวุธปืน ฯ นั้นไว้ จึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 55, 78
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๕๕, ๗๒, ๗๘ ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ.๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๕๕, ๗๒, ๗๘ ให้ลงโทษตามมาตรา ๗, ๗๒ จำคุก ๑ ปี ตามมาตรา ๕๕, ๗๘ จำคุก ๑๐ ปี รวมจำคุก ๑๑ ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ หนึ่งในสาม คงจำคุก ๗ ปี ๔ เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าสำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯมาตรา ๗, ๗๒ ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก ๘ เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๒๑๘ ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คงมีปัญหาว่าจำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา ๕๕, ๗๘ ตามฟ้องหรือไม่ ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์จำเลยนำสืบตรงกันว่า เจ้าพนักงานตำรวจไปค้นพบปืน เอช. เค. ได้ ๑ กระบอก พร้อมกระสุนได้ปืนพกออโตเมติก ๑ กระบอก พร้อมกระสุน ประจักษ์พยานโจทก์คดีนี้มี ๒ ปากคือสิบตำรวจเอกสุชาติ เรืองขจร และจ่าสิบตำรวจชูศักดิ์ แก้วอยู่ ยืนยันว่าค้นของกลางเหล่านี้ได้ในห้องนอนของจำเลย และตามบันทึกการจับกุม จำเลยก็รับสารภาพว่าของกลางเป็นของจำเลย แต่ตามคำให้การชั้นสอบสวนนั้น จำเลยให้การว่า ปืนเอช. เค. ๓๓ พร้อมเครื่องกระสุน ทางเหมืองได้มอบให้จำเลยเอาไว้ควบคุมคนงาน ส่วนอาวุธปืนพกสั้นขนาด ๗.๖๕ มม. นั้น จำเลยซื้อจากเพื่อนของจำเลยนานมาแล้ว ในราคา ๑,๐๐๐ บาทได้ความจากคำของสิบตำรวจเอกสุชาติและจ่าสิบตำรวจชูศักดิ์ว่า บริเวณเหมืองมีบ้านพักคนงานปลูกอยู่มีสภาพเป็นกระต๊อบชั่วคราว มีบ้านพักเจ้าของเหมืองอยู่ในบริเวณเหมืองด้วยบ้านพักเจ้าของเหมืองมีลักษณะถาวร บ้านที่จำเลยพักอาศัยเป็นบ้านไม้ถาวรเข้าใจว่าเป็นบ้านเจ้าของเหมือง จำเลยเป็นหัวหน้าคนงาน สอบถามจำเลย จำเลยบอกว่าเป็นคนดูแลบ้านดังกล่าว คำของพยานโจทก์จึงเจือสมกับข้อนำสืบของจำเลยว่าค้นพบอาวุธปืนในบ้านพักเจ้าของเหมือง ซึ่งจำเลยดูแลอยู่ขณะเกิดเหตุ เช่นนี้ แม้จะได้ความจากคำให้การชั้นสอบสวนว่าอาวุธปืนเอช. เค. ๓๓ พร้อมกระสุนปืนทางเจ้าของเหมืองมอบให้จำเลยเอาไว้ใช้ควบคุมคนงานก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่าค้นพบอาวุธปืนดังกล่าวในบ้านพักของเจ้าของเหมือง มิได้อยู่ที่ตัวจำเลย แสดงว่าเจ้าของเหมืองยังเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองอาวุธปืนเอช. เค. ๓๓ พร้อมเครื่องกระสุนดังกล่าวอย่างแท้จริง จำเลยมิได้ใช้หรือยึดถืออาวุธปืนนั้นไว้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา ๕๕, ๗๘ ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนซึ่งนายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา ๕๕, ๗๘ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.