แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำของจำเลยทั้งยี่สิบห้าโดยชัดเจนว่าจำเลยทั้งหมดบังอาจร่วมกันเล่นการพนันกำถั่ว อันเป็นการพนันประเภทห้ามขาดตามบัญชี ก. อันดับที่ 4 ท้าย พ.ร.บ.การพนันฯ และมิได้มี พ.ร.ฎ.อนุญาตให้จำเลยทั้งยี่สิบห้าเล่นได้ โดยจำเลยที่ 1 เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และร่วมเล่น ส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 25 เป็นผู้เข้าร่วมเล่นการพนัน ตามคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายว่าการกระทำของจำเลยเป็นการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว ฟ้องโจทก์จึงครบองค์ประกอบความผิด ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แล้ว
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามฟ้องว่า จำเลยทั้งยี่สิบห้ากับพวกที่หลบหนีร่วมกันเล่นการพนันกำถั่ว อันเป็นการพนันตามบัญชี ก. อันดับที่ 4 ท้าย พ.ร.บ.การพนันฯ โดยจำเลยที่ 1 เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และร่วมเล่นด้วยแม้ พ.ร.บ.การพนันฯ มาตรา 12 (1) ได้กำหนดโทษผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นการพนันตามบัญชี ก. หมายเลข 4 ซึ่งแยกบทกำหนดโทษสำหรับผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่ไม่ได้เรียกว่าลูกค้าเป็นบทหนึ่ง และสำหรับผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่เรียกว่าลูกค้าเป็นอีกบทหนึ่งก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 ก็มีเพียงเจตนาเดียวคือ เข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นการพนันกำถั่ว ดังนั้นการที่จำเลยที่ 1 เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และเป็นผู้ร่วมเล่นการพนันกำถั่ว จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยที่ 1 คือความผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งยี่สิบห้าตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91 ริบของกลางและจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งยี่สิบห้าให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งยี่สิบห้ามีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง 10, 12 (1), 15 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83 ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้ามือ จำคุก 6 เดือนฐานเป็นผู้เล่น ปรับ 2,000 บาท จำเลยที่ 2 ถึง 25 ฐานเป็นผู้เล่น ปรับคนละ 2,000 บาท จำเลยทั้งยี่สิบห้าให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้ามือ จำคุก 3 เดือน ฐานเป็นผู้เล่น ปรับ 1,000 บาท รวมจำคุก 3 เดือน และปรับ 1,000 บาท จำเลยที่ 2 ถึง 25 ฐานเป็นผู้เล่น ปรับคนละ 1,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง กับให้จำเลยทั้งยี่สิบห้าชำระค่าสินบนนำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ประการแรกว่า คำฟ้องของโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) หรือไม่ จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ไม่ครบองค์ประกอบของความผิดเพราะมิได้บรรยายว่าการที่จำเลยเข้าเล่นการพนันนั้น หาได้รับอนุญาตแต่อย่างใด เห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำของจำเลยทั้งยี่สิบห้าโดยชัดเจนว่าจำเลยทั้งหมดบังอาจร่วมกันเล่นการพนันกำถั่วอันเป็นการพนันประเภทห้ามขาด ตามบัญชี ก. อันดับที่ 4 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 และมิได้มีพระราชกฤษฎีกาอนุญาตให้จำเลยทั้งยี่สิบห้าได้เล่น โดยจำเลยที่ 1 เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และร่วมเล่น ส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 25 เป็นผู้เข้าร่วมเล่นการพนัน ตามคำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายว่าการกระทำของจำเลยเป็นการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว ฟ้องโจทก์จึงครบองค์ประกอบความผิด ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายประการต่อไปว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทการที่ศาลล่างทั้งสองเรียงกระทงลงโทษจึงไม่ถูกต้อง เห็นว่า คดีนี้ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามฟ้องว่า จำเลยทั้งยี่สิบห้ากับพวกที่หลบหนีร่วมกันเล่นการพนันกำถั่วอันเป็นการพนันตามบัญชี ก. อันดับที่ 4 ท้ายพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 โดยจำเลยที่ 1 เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และร่วมเล่นด้วย แม้พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12 (1) ได้กำหนดโทษผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นการพนันตามบัญชี ก. หมายเลข 4 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ขึ้นไปจนถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไปจนถึง 5,000 บาท ด้วยอีกโสดหนึ่ง เว้นแต่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่เรียกว่า ลูกค้า ให้จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งแยกบทกำหนดโทษสำหรับผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่ไม่ได้เรียกว่าลูกค้าเป็นบทหนึ่ง และสำหรับผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่เรียกว่าลูกค้าเป็นอีกบทหนึ่งก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 ก็มีเพียงเจตนาเดียวคือ เข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นการพนันกำถั่ว ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 เป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และเป็นผู้ร่วมเล่นการพนันกำถั่วจึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องใช้กฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยที่ 1 คือความผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ที่ศาลล่างทั้งสองเรียงกระทงลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้และเป็นผู้ร่วมเล่นการพนันรวม 2 กระทงนั้น เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง ส่วนปัญหาว่าสมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 1 หรือไม่นั้น ปรากฏว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 1 กับพวกได้พร้อมด้วยเครื่องมือที่ใช้ในการเล่นการพนัน โดยมีการใช้กระดาษแทนเงินสด แสดงว่ามีลักษณะเป็นบ่อนการพนัน อันเป็นต้นเหตุให้ประชาชนลุ่มหลงมัวเมาในอบายมุขอย่างกว้างขวาง สร้างความเสียหายในทางเศรษฐกิจและก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรง แม้จำเลยที่ 1 ไม่เคยกระทำความผิดใด ๆ มาก่อนและมีภาระต้องอุปการะเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว หรือมีเหตุอื่นดังที่จำเลยที่ 1 ยกขึ้นอ้างในฎีกา ก็มิใช่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยที่ 1 ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้นอย่างไรก็ตาม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 วางโทษจำคุกจำเลยที่ 1 จำคุก 6 เดือน ก่อนลดโทษให้นั้น เป็นการใช้ดุลพินิจกำหนดโทษที่หนักเกินไป เห็นสมควรแก้ไขเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานเจ้ามือรับกินรับใช้และฐานเป็นผู้ร่วมเล่นการพนันเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้วางโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 3 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงลงโทษจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 เดือน 15 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9