คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2192/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าพนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งที่ 31/2545 สั่งให้จำเลยชำระค่าจ้างและเงินประกันแก่โจทก์ พ้นกำหนดระยะเวลาตามที่กฎหมายบัญญัติแล้วจำเลยไม่นำคดีไปสู่ศาลและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน ขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานที่ 31/2545 การที่จำเลยไม่นำคดีไปสู่ศาลทำให้คำสั่งพนักงานตรวจแรงงานเป็นที่สุดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฯ มาตรา 125 วรรคสอง ซึ่งจำเลยต้องปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานนั้นไม่มีสิทธินำคดีในเรื่องเดียวกันนี้ไปสู่ศาลอีก ตามคำฟ้องจึงเป็นกรณีโจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานอันเป็นที่สุดแล้ว ไม่เกี่ยวกับเรื่องโจทก์ยักยอกทรัพย์จำเลย ที่จำเลยฟ้องแย้งว่าโจทก์ยักยอกทรัพย์ของจำเลย โจทก์ต้องชดใช้ราคาทรัพย์ที่ยักยอกโดยจำเลยขอนำเงินตามจำนวนที่พนักงานตรวจแรงงานสั่งให้จำเลยชำระมาหักกับราคาทรัพย์แล้วให้โจทก์ชำระส่วนที่เหลือจึงไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานที่ 31/2545 โดยจ่ายค่าจ้างและเงินประกันรวม 11,200 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ยักยอกทรัพย์จำเลย เมื่อหักค่าจ้างและเงินประกันความเสียหายของโจทก์ชดใช้ค่าสินค้าที่โจทก์ยักยอกไปแล้ว โจทก์ต้องชดใช้เงินแก่จำเลยอีก 74,980 บาท ขอให้ยกฟ้อง และขอให้บังคับโจทก์ชดใช้ค่าสินค้า 74,980 บาท แก่จำเลย
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ไม่รับฟ้องแย้ง และคดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดสืบพยาน
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2545 และออกจากงานแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานว่าจำเลยไม่คืนเงินประกันและไม่จ่ายค่าจ้าง พนักงานตรวจแรงงานฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยไม่คืนเงินประกัน 4,000 บาท และค้างจ่ายค่าจ้าง 7,200 บาท แก่โจทก์ แล้วมีคำสั่งที่ 31/2545 ให้จำเลยจ่ายเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานแล้ว ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องอ้างว่าจำเลยไม่นำคดีไปสู่ศาลภายใน 30 วัน ตามที่กฎหมายบัญญัติ จำเลยไม่ให้การปฏิเสธ จึงฟังได้ว่าจำเลยไม่นำคดีไปสู่ศาลภายใน 30 วัน คำสั่งของพนักงานตรวจแรงงานเป็นที่สุดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 125 จำเลยต้องปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน จำเลยไม่อาจยกข้ออ้างเพื่อขอหักชำระค่าเสียหายมาในชั้นนี้ได้ แม้คำขอบังคับของโจทก์ไม่ได้ขอคิดดอกเบี้ยมาด้วย แต่โจทก์ขอให้จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานซึ่งมีคำสั่งให้จำเลยชำระดอกเบี้ยด้วยเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงให้จำเลยชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน พิพากษาให้จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานที่ 31/2545 ให้จ่ายค่าจ้างและเงินประกันรวม 11,200 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2545 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฟ้องแย้งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัย “มีปัญหาวินิจฉัยว่าฟ้องแย้งเกี่ยวกับคำฟ้องเดิมหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าพนักงานตรวจแรงงานมีคำสั่งที่ 31/2545 สั่งให้จำเลยชำระค่าจ้างและเงินประกันแก่โจทก์ พ้นกำหนดระยะเวลาตามที่กฎหมายบัญญัติแล้วจำเลยไม่นำคดีไปสู่ศาลและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน ขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานที่ 31/2545 การที่จำเลยไม่นำคดีไปสู่ศาลทำให้คำสั่งพนักงานตรวจแรงงานเป็นที่สุดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 125 วรรคสอง ซึ่งจำเลยต้องปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานนั้น ไม่มีสิทธินำคดีในเรื่องเดียวกันนี้ไปสู่ศาลอีก ตามคำฟ้องจึงเป็นกรณีโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานอันเป็นที่สุดแล้ว ไม่เกี่ยวกับเรื่องโจทก์ยักยอกทรัพย์จำเลย ดังนั้นที่จำเลยฟ้องแย้งอ้างว่าโจทก์ยักยอกทรัพย์ของจำเลย โจทก์ต้องชดใช้ราคาทรัพย์ที่ยักยอกโดยจำเลยขอนำเงินตามจำนวนที่พนักงานตรวจแรงงานสั่งให้จำเลยชำระมาหักกับราคาทรัพย์แล้วให้โจทก์ชำระส่วนที่เหลือ จึงไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมของโจทก์ ที่ศาลแรงงานกลางไม่รับฟ้องแย้งจำเลยนั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share