คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2176/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคหนึ่งและ 65 วรรคหนึ่ง มิได้มีการระบุถึงการคำนวณน้ำหนักบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนไว้แต่อย่างใดส่วนตามมาตรา 67 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าวระบุแต่เพียงว่า “ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ถึง 20 กรัม โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 15 ต้องระวางโทษ…” คดีนี้น้ำหนักของเมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักเพียง 5.14 กรัม ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่าหากคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ก็คงไม่ถึง 20 กรัม อย่างแน่นอน ดังนั้น การที่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงน้ำหนักที่คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนของกลางก็ไม่เป็นการไม่ครบองค์ประกอบแห่งความผิดตามกฎหมายแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 11, 18 วรรคสอง, 62 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 65, 66, 102 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหาเป็นบุคคลสัญชาติไทยเดินทางออกไปและเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 65 วรรคหนึ่ง, 67, 102 พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 11, 18 วรรคสอง, 62 วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้าราชอาณาจักรและฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครองครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้าราชอาณาจักรซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกตลอดชีวิต ฐานเป็นบุคคลสัญชาติไทยเดินทางออกไปและเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ปรับ 2 กระทง กระทงละ 2,000 บาท รวมจำคุกตลอดชีวิตและปรับ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเฉพาะความผิดฐานเป็นบุคคลสัญชาตไทยเดินทางออกและเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ซึ่งเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกตลอดชีวิตและปรับ 2,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ข้อหาอื่นให้ยก ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรกิ่งอำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย จับกุมจำเลยได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนจำนวน 52 เม็ด น้ำหนัก 5.14 กรัม เป็นของกลาง ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกมีว่า การที่โจทก์มิได้คำนวณน้ำหนักของเมทแอมเฟตามีนเป็นสารบริสุทธิ์มาในวันฟ้องเป็นการบรรยายฟ้องไม่ครบองค์ประกอบแห่งความผิดตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยมีความผิดฐานนำเมทแอมเฟตามีนเข้าราชอาณาจักรและมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 65 วรรคหนึ่ง และ 67 ซึ่งตามมาตรา 15 วรรคหนึ่งและ 65 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวก็มิได้มีการระบุถึงการคำนวณน้ำหนักบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนไว้แต่อย่างใด ส่วนตามมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวระบุแต่เพียงว่า “ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่ถึง 20 กรัม โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 15 ต้องระวางโทษ…” คดีนี้น้ำหนักของเมทแอมเฟตามีนของกลางมีน้ำหนักเพียง 5.15 กรัม ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่าหากคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ก็คงไม่ถึง 20 กรัม อย่างแน่นอน ดังนั้น การที่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงน้ำหนักที่คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนของกลางก็ไม่เป็นการมีครบองค์ประกอบแห่งความผิดตามกฎหมายแต่อย่างใด…”
พิพากษายืน

Share