คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินของโจทก์ไปจำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้กู้เงินโจทก์ และไม่เคยทำสัญญากู้ และฟ้องแย้งว่าจำเลยจำนองที่ดินเพื่อเป็นประกันการสั่งซื้อรถยนต์ที่โจทก์จะสั่งมาให้จำเลยดังนี้ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบก่อนให้ข้อเท็จจริงปรากฏดังฟ้องส่วนข้อที่จำเลยต่อสู้และฟ้องแย้งว่าจำเลยจำนองที่ดินเพื่อเป็นประกันการสั่งซื้อรถยนต์นั้นเป็นแต่เพียงเหตุผลประกอบการปฏิเสธหนี้อันเป็นประธานที่โจทก์อาศัยเป็นเหตุเรียกร้องเท่านั้น
สัญญาจำนอง คือสัญญาที่ผู้จำนองเอาทรัพย์สินตราไว้แก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้และการประกันหนี้ในอนาคตจะประกันไว้เพื่อเหตุการณ์ซึ่งหนี้นั้นอาจเป็นผลได้จริง ก็ประกันได้
ในสัญญาจำนองมีข้อความว่า จำนองประกันเงินกู้. จำเลยต่อสู้ว่าได้ทำจำนองเป็นประกันการสั่งซื้อรถยนต์ ไม่ใช่ประกันการกู้ยืมเงินนั้น. เป็นการต่อสู้ในเรื่องมูลหนี้ที่ทำจำนองไม่ใช่เป็นการปฏิเสธหรือเปลี่ยนแปลงสัญญาจำนอง. จำเลยย่อมมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้และฟ้องแย้งได้.
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ แต่ไม่มีหนังสือสัญญากู้มาแสดง. มีแต่สัญญาจำนองซึ่งมีข้อความว่า จำเลยจำนองประกันเงินกู้. เมื่อฟ้องโจทก์แสดงสภาพแห่งข้อหาโดยถือเอาหนังสือสัญญากู้เป็นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแล้ว.โจทก์ไม่นำต้นฉบับหนังสือสัญญากู้ที่กล่าวอ้างมาแสดง และไม่มีสิทธิสืบพยานอื่นถึงการเคยมีอยู่ของเอกสารเช่นว่านั้น. โจทก์จะขอให้ศาลวินิจฉัยว่าสัญญาจำนองเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิด เปลี่ยนไปจากข้ออ้างเดิมไปนั้นหาได้ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2500 จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ 120,000 บาท และได้รับเงินไปแล้ว วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2500 จำเลยได้จำนองที่ดินโฉนดที่ 1038 (1034) ตำบลบางยี่เรืออำเภอธนบุรี จังหวัดธนบุรี ไว้กับโจทก์เพื่อเป็นประกันการกู้เงินรายนี้ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระดอกเบี้ยที่ค้าง 9,000 บาท

จำเลยให้การปฏิเสธและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ตามฟ้อง และไม่เคยทำหนังสือสัญญากู้ สำเนาหนังสือสัญญาจำนองท้ายฟ้องเป็นสำเนาที่ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงกับต้นฉบับโดยอ้างว่า เมื่อเดือนมกราคม 2500 โจทก์จำเลยตกลงกันว่า โจทก์จะเป็นผู้สั่งซื้อรถยนต์ 2 คัน และให้จำเลยเช่าซื้อในราคา 120,000 บาท โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือน ในการนี้โจทก์ให้จำเลยจำนองที่ดินเพื่อประกันการสั่งซื้อรถยนต์ในวงเงิน 120,000 บาท โดยจำเลยไม่ได้รับเงินจากโจทก์ตามสัญญาจำนอง ต่อมาโจทก์ไม่ได้ส่งมอบรถยนต์ให้แก่จำเลย ขอให้ยกฟ้อง และบังคับโจทก์ให้ไปจดทะเบียนเลิกสัญญาจำนอง

โจทก์ยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้งว่า สัญญากู้และสัญญาจำนองที่จำเลยทำให้ไว้กับโจทก์นั้น เป็นเรื่องที่จำเลยกู้เงินของโจทก์ไปไม่เกี่ยวกับข้อตกลงเรื่องสั่งซื้อรถยนต์

ศาลแพ่งยกฟ้องโจทก์ และให้โจทก์ไปจดทะเบียนเพิกถอนการจำนอง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า

(1) ตามที่โจทก์ฎีกาเรื่องหน้าที่นำสืบว่า ศาลชั้นต้นกะประเด็นไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้กู้เงินของโจทก์ไป จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์ และไม่เคยทำหนังสือสัญญากู้ตามสำเนาที่ปรากฏท้ายฟ้อง จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบก่อนให้ข้อเท็จจริงปรากฏดังฟ้อง ข้อที่จำเลยต่อสู้และฟ้องแย้งว่าจำเลยจำนองที่ดินเพื่อเป็นประกันการสั่งซื้อรถยนต์ที่โจทก์จะสั่งมาให้จำเลยนั้น เป็นแต่เพียงเหตุผลประกอบการปฏิเสธหนี้อันเป็นประธานที่โจทก์อาศัยเป็นเหตุเรียกร้องให้ศาลบังคับให้จำเลยต้องรับผิดเท่านั้น

(2) ข้อที่โจทก์ฎีกาเป็นทำนองว่า จำเลยจะนำสืบว่าการจำนองเป็นการจำนองสั่งซื้อรถยนต์ ไม่ใช่ประกันกู้ยืมเงิน เป็นการเถียงเพื่อเปลี่ยนแปลงเอกสาร มิได้ต่อสู้ว่าสัญญาจำนองตกเป็นโมฆะหรือไม่สมบูรณ์ จำเลยจะนำสืบไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า อันสัญญาจำนองนั้น คือสัญญาที่ผู้จำนองเอาทรัพย์สินตราไว้แก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้และประกันหนี้ในอนาคตจะประกันไว้เพื่อเหตุการณ์ซึ่งหนี้นั้นอาจเป็นผลได้จริงก็ประกันได้ ตามคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลยฟังได้ชัดว่า การที่จำเลยจำนองที่ดินไว้กับโจทก์นั้น เป็นการประกันหนี้ในอนาคตซึ่งหนี้นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อโจทก์ได้สั่งมาและส่งมอบรถยนต์ 2 คันนั้นให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยต่อสู้ในเรื่องมูลหนี้ที่ทำจำนองประกันว่าหนี้นั้นยังไม่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นการปฏิเสธหรือเปลี่ยนแปลงสัญญาจำนองนั้นแต่อย่างใดจำเลยย่อมมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้และฟ้องแย้งนั้นได้ ในข้อที่ว่าสัญญาจำนองปรากฎว่าจำนองประกันเงินกู้ภายในวงเงินไม่เกิน 120,000 บาทนั้น หาใช่แสดงเด็ดขาดว่าเป็นประกันเงินที่โจทก์ให้กู้ไปแล้วจำนวนหนึ่งแสนสองหมื่นบาทไม่ ข้อความนั้นกลับส่อแสดงไปในทางให้คิดเห็นไปได้ว่า เป็นการประกันหนี้ในอนาคตซึ่งเรียกสั้น ๆ ว่าเงินกู้เพราะถ้อยคำที่ว่า ภายในวงเงินไม่เกินหนึ่งแสนสองหมื่นบาทแสดงว่าเป็นเรื่องหนี้ที่จะมีกันต่อไปอย่างเบิกเงินเกินบัญชี

(3) โจทก์ฎีกาว่า คดีนี้ แม้โจทก์ไม่มีต้นฉบับสัญญากู้มาแสดงแต่ในสัญญาจำนองก็ระบุว่า จำเลยจำนองประกันเงินกู้ จึงถือได้ว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยรับผิดอยู่ ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้โดยชัดเจนว่า จำเลยนี้ได้กู้เงินไปจากโจทก์โดยทำหนังสือสัญญากู้ให้โจทก์ไว้เป็นหลักฐาน และได้รับเงินดังกล่าวไปครบถ้วนถูกต้องแล้ว เห็นได้ว่า ฟ้องโจทก์แสดงสภาพแห่งข้อหาโดยถือเอาหนังสือสัญญากู้เป็นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น เมื่อโจทก์ไม่สามารถนำต้นฉบับหนังสือสัญญากู้ที่กล่าวอ้างมาแสดง และไม่มีสิทธิสืบพยานอื่นถึงการเคยมีอยู่ของเอกสารเช่นว่านั้นโจทก์จะมาขอให้ศาลวินิจฉัยว่าสัญญาจำนองเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิดเปลี่ยนแปลงจากข้ออ้างเดิมไปนั้นหาได้ไม่

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์ ให้โจทก์เสียค่าทนายความในชั้นนี้อีก 2,000 บาทแทนจำเลยด้วย

Share