คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำขึ้นระหว่างจำเลยทั้งสองนั้นโจทก์จะต้องฟ้องจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นคู่กรณีที่ทำนิติกรรมการที่โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่1ออกจากสารบบความจะทำให้ศาลไม่สามารถพิจารณาพิพากษาตามคำขอของโจทก์ได้เพราะจำเลยที่1เป็นบุคคลนอกคดีเสียแล้วปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ที่ 1 เป็น ลูกหนี้ โจทก์ ทั้งสิ้น 4,361,375บาท ต่อมา จำเลย ทั้ง สอง ได้ สมคบ กัน ทำการ ฉ้อฉล โจทก์ โดย จำเลย ที่ 2เป็น โจทก์ ฟ้อง จำเลย ที่ 1 เป็น จำเลย ต่อ ศาลชั้นต้น เรียกร้อง ให้จำเลย ที่ 1 ชำระหนี้ จำนวน 139,017,825.91 บาท แก่ จำเลย ที่ 2ทั้ง ๆ ที่ จำเลย ที่ 1 มิได้ ผิดสัญญา กู้ เมื่อ จำเลย ที่ 1 รับ สำเนาคำฟ้อง แล้ว จำเลย ที่ 1 ทำ สัญญา ประนีประนอม ยอมความ กับ จำเลย ที่ 2ต่อหน้า ศาล ใน วันรุ่งขึ้น และ ศาลชั้นต้น ได้ พิพากษา ตามสัญญา ประนีประนอม ยอมความ โดย จำเลย ทั้ง สอง ทราบ ดี ว่า จำเลย ที่ 1ไม่สามารถ จะ ชำระหนี้ ตาม สัญญา ประนีประนอม ยอมความ ได้ ทั้งนี้เพื่อ มิให้ เจ้าหนี้ ราย อื่น ของ จำเลย ที่ 1 รวมทั้ง โจทก์ ทราบ และ จำเลยที่ 1 จงใจ ที่ จะ ให้ ตน ผิดนัด ตาม สัญญา ประนีประนอม ยอมความ เพื่อให้ จำเลย ที่ 2 บังคับคดี ยึดทรัพย์ จำนอง ซึ่ง มี อาคาร ไวทเฮาซเทาเออ เพียง สิ่ง เดียว ทำให้ เจ้าหนี้ อื่น และ โจทก์ เสียเปรียบ ไม่สามารถ ที่ จะรับชำระหนี้ จาก จำเลย ที่ 1 ได้ ขอให้ เพิกถอน สัญญา ประนีประนอม ยอมความระหว่าง จำเลย ทั้ง สอง และ ห้าม จำเลย ที่ 2 นำ ผล ของ สัญญาประนีประนอม ยอมความ ไป ใช้ บังคับ จำเลย ที่ 1
จำเลย ที่ 1 ให้การ ว่า จำเลย ที่ 1 ไม่ได้ เป็น หนี้ โจทก์โจทก์ ไม่มี อำนาจฟ้อง เพิกถอน สัญญา ประนีประนอม ยอมความ ที่ ศาล พิพากษาตามยอม แล้ว เพราะ หนี้ ระหว่าง จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 มี อยู่ จริงจำเลย ที่ 1 ตกลง ชำระหนี้ ให้ แก่ จำเลย ที่ 2 ตาม สัญญาประนีประนอม ยอมความ อาคาร ไวทเฮาซเทาเออ ได้ จดทะเบียน จำนอง เป็น ประกันหนี้ แก่ จำเลย ที่ 2 อยู่ ก่อน แล้ว การ บังคับจำนอง เพื่อขายทอดตลาด อาคาร ดังกล่าว ไม่ทำ ให้ โจทก์ เสียเปรียบ ขอให้ ยกฟ้อง
จำเลย ที่ 2 ให้การ และ แก้ไข คำให้การ ว่า โจทก์ ไม่มี อำนาจฟ้องเพราะ อาคาร ไวทเฮาซเทาเออ เป็น ทรัพย์ ที่ จำเลย ที่ 1 จดทะเบียน จำนอง เป็น ประกัน การ ชำระหนี้ แก่ จำเลย ที่ 2 โจทก์ เป็น เพียง เจ้าหนี้สามัญ ย่อม ไม่อาจ บังคับ ชำระหนี้ จาก ทรัพย์ จำนอง ได้ ก่อน จำเลย ที่ 2โจทก์ มิได้ เสียเปรียบ แต่อย่างใด เพราะ จำเลย ที่ 1 เป็น หนี้ จำเลย ที่ 2จริง ขอให้ ยกฟ้อง
ใน ระหว่าง พิจารณา ศาลชั้นต้น มี คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ จำเลย ที่ 1เด็ดขาด ตาม คดีล้มละลาย โจทก์ ขอให้ จำหน่ายคดี จำเลย ที่ 1 ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดี สำหรับ จำเลย ที่ 1 ตาม คำขอ ของ โจทก์
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “คดี นี้ โจทก์ ฟ้อง ขอให้ เพิกถอนสัญญา ประนีประนอม ยอมความ ระหว่าง จำเลย ทั้ง สอง ที่ ทำ ต่อหน้า ศาลชั้นต้นเมื่อ วันที่ 17 มิถุนายน 2530 อ้างว่า นิติกรรม ดังกล่าว เป็น การ ฉ้อฉลทำให้ โจทก์ ซึ่ง เป็น เจ้าหนี้ ของ จำเลย ที่ 1 คนหนึ่ง รวมทั้ง เจ้าหนี้อื่น ของ จำเลย ที่ 1 เสียเปรียบ ซึ่ง เป็น การ ใช้ สิทธิ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 การ เพิกถอน การ ฉ้อฉลดังกล่าว โจทก์ จะ ต้อง ฟ้อง คู่กรณี ทั้ง สอง ฝ่าย ที่ ทำนิติกรรม นั้นศาล จึง จะ บังคับ ตาม คำขอ ของ โจทก์ ได้ เพราะ หาก ศาล พิพากษา ให้ เพิกถอนนิติกรรม ตาม คำขอ ของ โจทก์ ย่อม จะ มีผล กระทบ ถึง คู่กรณี โจทก์จะ ฟ้อง คู่กรณี ที่ ทำนิติกรรม ที่ ขอให้ เพิกถอน คนใด คนหนึ่ง โดย ไม่ฟ้องคู่กรณี อีก คนหนึ่ง ไม่ได้ เพราะ ผล ของ คำพิพากษา ไม่อาจ บังคับ บุคคลนอก คดี การ ที่ โจทก์ ฟ้อง จำเลย ทั้ง สอง แล้ว โจทก์ ขอให้ ศาลชั้นต้น สั่งจำหน่ายคดี สำหรับ จำเลย ที่ 1 ออก เสีย จาก สารบบความ มีผล ให้จำเลย ที่ 1 พ้น จาก การ ที่ ต้อง ถูก บังคับ ตาม คำพิพากษา ศาล ไม่อาจพิจารณา พิพากษา ตาม คำขอ ของ โจทก์ เพราะ จะ มีผล กระทบ ไป ถึง จำเลย ที่ 1ซึ่ง เป็น บุคคล นอก คดี ได้ และ ปัญหา นี้ เป็น ข้อกฎหมาย อัน เกี่ยว ด้วยความสงบ เรียบร้อย ของ ประชาชน ศาลฎีกา ยกขึ้น วินิจฉัย เอง ได้ที่ ศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย คดี ให้ นั้น ศาลฎีกา ไม่เห็น พ้องด้วย ใน ส่วน นี้ คง เห็นพ้อง ด้วย ใน ผล ของ คดี ที่ ให้ยก ฟ้อง
พิพากษายืน

Share