แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทง โดยมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษ ซึ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาดไว้ในครอบครองและได้บังอาจจำหน่ายเฮโรอีนให้แก่ผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย ฯลฯ จำเลยให้การรับสารภาพดังนี้ การที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองและได้จำหน่ายเฮโรอีนแก่ผู้อื่น การกระทำของจำเลยแยกได้เป็นสองกระทง แต่ละกระทงเป็นความผิดตามกฎหมาย ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนและฐานจำหน่ายเฮโรอีนได้
มีเฮโรอีนไว้ในความครอบครอง และได้จำหน่ายเฮโรอีนให้แก่ผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย เป็นความผิดสองกระทง เมื่อจำเลยกระทำความผิดภายหลังวันที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11มีผลใช้บังคับแล้ว แม้โจทก์จะมิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้อง แต่โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทงมาด้วย ศาลย่อมมีอำนาจเรียงกระทงลงโทษจำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทง โดยมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษ ซึ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาด น้ำหนัก 60 มิลลิกรัมราคากรัมละ 30 บาทไว้ในครอบครองและได้บังอาจร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนให้แก่ผู้อื่นโดยผิดกฎหมายทั้งได้บังอาจร่วมกันมีกันชาจำนวน 1 ห่อ น้ำหนัก 50,150 กรัม และบ้องกันชา 2 บ้องไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมด้วยเฮโรอีนกันชา และบ้องกันชาดังกล่าวเป็นของกลางขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4, 5 ทวิ, 14, 20 ตรี, 20 ทวิ, 27, 28, 29 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2479 มาตรา 10, 11 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2502 มาตรา 5 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 3, 4, 6, 7, 8, 12 พระราชบัญญัติกันชา พ.ศ. 2477 มาตรา 7, 8, 10 และริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพฐานมีกันชาและบ้องกันชา แต่ปฏิเสธฐานมีเฮโรอีนและฐานจำหน่ายเฮโรอีน
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานมีกันชาและบ้องกันชา ลดโทษรับสารภาพให้กึ่งหนึ่งแล้วคงปรับ รวม 200 บาท จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานมีกันชาและบ้องกันชา ปรับรวม 200 บาท และตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 4, 4 ทวิ, 14, 20 ตรี, 20 ทวิ, 27, 28, 29 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2479 มาตรา 10, 11 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2502 มาตรา 5 และ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 3, 4, 6, 7, 8, 12 ลงโทษฐานมีเฮโรอีน จำคุก 2 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุก 8 ปี ลดโทษรับสารภาพให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี ปรับ 100 บาท ริบของกลางคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีและจำหน่ายเฮโรอีนตามฟ้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่า การมีและจำหน่ายเฮโรอีนเป็นกรรมเดียวกัน ขอให้ลงโทษในเรื่องเฮโรอีนเฉพาะบทหนักเพียงกระทงเดียว คือ จำหน่ายเฮโรอีนเท่านั้น และไม่ควรถูกลงโทษฐานมีกันชากับบ้องกันชา เพราะจำเลยที่ 1 รับสารภาพแล้วว่าเป็นของจำเลยที่ 1
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดแต่เพียงกระทงเดียว พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยที่ 2 ฐานจำหน่ายเฮโรอีนแต่เพียงกระทงเดียวมีกำหนด 8 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 ปี นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานมีและฐานจำหน่ายเฮโรอีนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กฎหมายบัญญัติการมีไว้ซึ่งเฮโรอีนและการจำหน่ายเฮโรอีนไว้คนละมาตรา เป็นคนละฐานความผิดกัน การที่จำเลยที่ 2 มีเฮโรอีนไว้ในความครอบครอง และจำเลยที่ 2 จำหน่ายเฮโรอีนแก่ผู้อื่นเห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 แยกได้เป็น 2 กระทง แต่ละกระทงเป็นความผิดตามกฎหมาย ศาลลงโทษฐานมีเฮโรอีนและฐานจำหน่ายเฮโรอีนได้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นและจากข้อเท็จจริงในคดี ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดหลังจากที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 มีผลใช้บังคับแล้ว ตามประกาศดังกล่าว ข้อ 2 ได้แก้ไขยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 โดยให้ลงโทษผู้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แม้คดีนี้โจทก์จะมิได้อ้างมาตรา 91 มาในคำขอท้ายฟ้องแต่โจทก์ก็ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทงมาด้วย จึงเห็นว่าศาลมีอำนาจเรียงกระทงลงโทษจำเลยได้ อนึ่ง เห็นว่าการที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยที่ 2 มานั้นยังไม่ถูก และศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาแก้ไขในเรื่องนี้ศาลฎีกาจึงชอบที่จะแก้เสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2เป็นว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2465 มาตรา 4 ทวิ, 20 ทวิ, 20 ตรี พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2504 มาตรา 4, 6, 7 ให้ลงโทษเรียงกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11ข้อ 2 ส่วนการกำหนดโทษและลดโทษนั้น ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ของกลางริบ