คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1771/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองซึ่งมีข้อความอื่นเป็นตัวพิมพ์ทั้งสิ้นแต่เว้นช่องวันที่ที่ทำพินัยกรรมว่างไว้ และมีการเขียนเลข 16ซึ่งเป็นวันที่ที่ทำพินัยกรรมลงไป ดังนี้ ไม่ถือว่าเป็นการตกเติมหรือเปลี่ยนแปลงซึ่งพินัยกรรม จึงไม่จำต้องมีผู้ทำพินัยกรรม พยานและกรมการอำเภอลงลายมือชื่อกำกับเลข 16 ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1658 วรรคท้าย
ข้อความในพินัยกรรมข้อ 1 ระบุว่ายกทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมให้แก่ผู้ที่ได้ระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมและข้อ 2 ระบุว่าขอมอบพินัยกรรมฉบับนี้แก่จำเลย ดังนี้ ถือได้ว่าพินัยกรรมได้กำหนดบุคคลที่ทราบตัวแน่นอนให้ไว้แล้ว ว่าให้จำเลยเป็นผู้รับพินัยกรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่านางสาวโถ มาสยะ ได้ทำพินัยกรรมลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๐๓ ยกทรัพย์ให้บุคคลหลายคน โดยเฉพาะที่ดินโฉนดที่ ๑๓๗๖ พร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้าง ยกให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง และยกให้บุตรของนางประวงศ์ ชูประเทศครึ่งหนึ่ง เมื่อนางสาวโถตาย จำเลยอ้างว่านางสาวโถทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๓ ยกทรัพย์ให้จำเลยและแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ความจริงนางสาวโถมิได้มีเจตนาที่จะทำพินัยกรรมแต่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันทำพินัยกรรมให้นางสาวโถลงลายมือชื่อ พินัยกรรมดังกล่าว ตกเติมเลข ๑๖ ลงในช่องวันที่โดยผู้ทำพินัยกรรม พยานและกรมการอำเภอมิได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้เท่ากับพินัยกรรมไม่มีวันที่ และพินัยกรรมไม่ได้กำหนดตัวบุคคลผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมไว้ จึงเป็นโมฆะ ต่อมาจำเลยได้จดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดที่ ๑๓๗๖ เป็นของจำเลย แล้วนำไปให้นางสาวประไพเช่าขอให้ศาลพิพากษาว่าพินัยกรรมของนางสาวโถ ฉบับลงวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๓ เป็นโมฆะ ให้ถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ดินโฉนดที่ ๑๓๗๖ ให้จำเลยงดเก็บค่าเช่าจากนางสาวประไพ และส่งค่าเช่าที่จำเลยรับไปแล้ว ๓๐,๐๐๐ บาทให้โจทก์ กับให้จำเลยส่งค่าเช่าที่รับไปจากนางสาวประไพเดือนละ ๗,๕๐๐ บาท นับตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๑๔ เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะงดเก็บหรือจนกว่าศาลจะพิพากษา
จำเลยให้การว่า นางโถไม่ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์ตามสำเนาท้ายฟ้อง หากมีจริงก็เป็นเอกสารปลอม ทำขึ้นโดยไม่สุจริตและปิดบังไม่ให้จำเลยซึ่งเป็นสามีนางโถรู้เห็น จึงเป็นโมฆะนางโถทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองโดยเจตนายกทรัพย์ให้จำเลยผู้เดียว ไม่สำคัญผิดแต่อย่างใด พินัยกรรมของนางโถไม่มีการตกเติมอันทำให้พินัยกรรมเสียไป และได้กำหนดให้จำเลยเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมแล้ว ศาลแพ่งเคยวินิจฉัยชี้ขาดในสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ ๔๙๓๓/๒๕๑๓ ว่า พินัยกรรมดังกล่าวใช้ได้ตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องให้ศาลเพิกถอนว่าเป็นโมฆะอีก
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า นางสาวโถมีเจตนาทำพินัยกรรมตามเอกสารหมาย จ.๒ และได้กำหนดตัวบุคคลผู้รับทรัพย์ไว้แน่นอนแล้วว่าเป็นจำเลยพินัยกรรมไม่เป็นโมฆะ จำเลยรับโอนมรดกที่ดินโฉนดที่ ๑๓๗๖ มาโดยชอบและอาคารโรงเรียนเป็นส่วนควบของที่ดินโฉนดที่ ๑๓๗๖ จำเลยจึงเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ ๑๓๗๖ และอาคารโรงเรียน โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นางสาวโถหรือนางโถลงลายมือชื่อในพินัยกรรมตามเอกสารหมาย จ.๒ โดยเจตนาจะยกที่ดินโฉนดที่ ๑๓๗๖ ให้แก่จำเลย มิใช่ลงลายมือชื่อโดยสำคัญผิดและวินิจฉัยว่า การที่พินัยกรรมเอกสารหมาย จ.๒ ซึ่งมีข้อความอื่นเป็นตัวพิมพ์ทั้งสิ้นแต่เว้นช่องวันที่ทำพินัยกรรมว่างไว้ และมีการเขียนเลข ๑๖ ลงไปนั้นไม่ถือว่าเป็นการตกเติมหรือเปลี่ยนแปลงซึ่งพินัยกรรมแต่อย่างใดพินัยกรรมเอกสารหมาย จ.๒ สมบูรณ์ตามกฎหมาย
ข้อความในพินัยกรรมตามเอกสารหมาย จ.๒ แม้ในข้อ ๑ จะมิได้ระบุว่ายกทรัพย์ตามพินัยกรรมให้แก่ผู้ใดก็ตาม แต่ได้ระบุว่ายกทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมให้แก่ผู้ที่ระบุชื่อไว้ในพินัยกรรมและข้อ ๒ ระบุว่าขอมอบพินัยกรรมฉบับนี้แก่นายโกสน กาญจนะสงฆ์ (จำเลย) จึงเห็นได้ว่าพินัยกรรมตามเอกสารหมาย จ.๒ ได้กำหนดบุคคลที่ทราบตัวแน่นอนให้ไว้แล้วว่า ให้จำเลยเป็นผู้รับพินัยกรรมโดยระบุชื่อจำเลยไว้ในพินัยกรรมว่าขอมอบพินัยกรรมนี้แก่จำเลยและทรัพย์สินที่ยกให้โดยพินัยกรรมตามเอกสารหมาย จ.๒ ก็ระบุไว้ชัดแจ้งแล้วว่าเป็นที่ดินโฉนดที่ ๑๓๗๖ ดังที่ระบุไว้ในข้อ ๑(๑) มิใช่ระบุไว้ไม่ชัดแจ้งดังที่โจทก์ฎีกา
พิพากษายืน

Share