แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิครอบครองทำประโยชน์ได้ขายสิทธิทำกินในที่ดินแปลงพิพาทที่โจทก์ได้รับสิทธิทำกินจากการจัดสรรของกรมชลประทานให้แก่ผู้มีชื่อโดยได้รับเงินเป็นค่าตอบแทนครบถ้วนแล้ว การที่โจทก์ได้จำหน่ายสิทธิทำกินในที่ดินแปลงพิพาทไปแล้ว โจทก์จะกลับอ้างว่ามีสิทธิครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทมาเป็นเหตุฟ้องขอให้ศาลบังคับกรมชลประทานจำเลยจ่ายเงินชดเชยค่าที่ดินอีกไม่ได้ เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและขอให้แก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าทดแทนจำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้มีสิทธิทำกินในที่ดินเนื้อที่ ๒๐ ไร่ดังกล่าว จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยได้จัดที่ดิน เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยจำนวน ๑ ไร่ และทำกินจำนวน ๑๐ ไร่ ให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องชดเชยค่าที่ดิน เพราะโจทก์นำที่ดินที่จำเลยจัดสรรให้ไปขายแก่บุคคลอื่น โจทก์จึงไม่มีสิทธิในที่ดินแปลงที่จำเลยจัดสรรให้ และไม่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามมติคณะรัฐมนตรีในการที่จะขอรับเงินชดเชยค่าที่ดิน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง ( ฟ้องวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๓๘ ) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๒,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาโจทก์ถึงแก่กรรม นางดี ดายครบุรี ทายาทของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ อนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลย โดยกำหนด ค่าทนายความรวม ๓,๐๐๐ บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๓๕ โจทก์ได้ขายสิทธิทำกินใน ที่ดินแปลงเลขที่ ๑๔ ที่โจทก์ได้รับสิทธิทำกินจากการจัดสรรของจำเลยให้แก่นางสาวณัฐกานต์โดยได้รับเงินจำนวน ๖๐,๐๐๐ บาท เป็นค่าตอบแทน และฟังได้อีกว่านางสาวณัฐกานต์ไม่เคยทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายกับบันทึกยกเลิกสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.๒ และ จ.๔ กับโจทก์ เมื่อจำเลยได้จัดสรรที่ดินทำกินให้แก่โจทก์แล้วโดยโจทก์จับสลากได้สิทธิทำกินใน ที่ดินแปลงเลขที่ ๑๔ โจทก์จึงมีสิทธิที่เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินแปลงนี้ได้ และยกสิทธิดังกล่าวขึ้นใช้ยันบุคคลอื่นได้ ทั้งโจทก์ได้ยกสิทธิทำกินในที่ดินแปลงเลขที่ ๑๔ ขึ้นยันบิดามารดานางสาวณัฐกานต์และนางสาวณัฐกานต์แล้ว ฝ่ายนางสาวณัฐกานต์ก็ได้ยอมรับสิทธิทำกินของโจทก์ในที่ดินแปลงนี้ด้วย โดยยอมรับซื้อที่ดินแปลงนี้จากโจทก์และ ได้ชำระเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท ให้แก่โจทก์ครอบถ้วนแล้ว เมื่อโจทก์ได้จำหน่ายสิทธิทำกินในที่ดินแปลงเลขที่ ๑๔ ไปแล้ว การที่โจทก์กลับอ้างสิทธิดังกล่าวมาเป็นเหตุฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยจ่ายเงินชดเชยค่าที่ดินอีก จึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ