แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้ขวดตีผู้เสียหายขณะนอนหลับจนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายผู้เสียหายพยายามลุกขึ้นนั่ง จำเลยเตะผู้เสียหายล้มลงเมื่อผู้เสียหายพยายามจะลุกขึ้นนั่งอีก จำเลยก็พูดว่า ‘จะสู้หรือ’ แล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย
จำเลยทราบว่าปืนที่จำเลยใช้ยิงผู้เสียหายมีกระสุนบรรจุอยู่ ที่กระสุนด้านไม่ระเบิดอาจเป็นเพราะกระสุนเสื่อมคุณภาพหรือเป็นเหตุบังเอิญประการอื่น หาเป็นการแน่แท้ว่าจะไม่สามารถทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายจากการยิงของจำเลยไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตามมาตรา 288, 80
จำเลยเพิ่งมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหลังจากทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กายไปแล้ว เพราะเข้าใจว่าผู้เสียหายจะลุกขึ้นมาต่อสู้ดังนั้น ที่จำเลยทำร้ายผู้เสียหายจน ได้รับอันตรายแก่กายกับพยายามฆ่าผู้เสียหายจึงเป็นการกระทำอันเป็นความผิดสองกรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน คือมีอาวุธปืนลูกซองสั้นโดยมิได้รับอนุญาต ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายโดยต่อยเตะและใช้ขวดตีเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย แล้วใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงผู้เสียหาย ๒ ครั้งโดยมีเจตนาฆ่า จำเลยลงมือกระทำความผิดไปโดยตลอดแล้วแต่การกระทำไม่บรรลุผล เพราะกระสุนปืนไม่ลั่นผู้เสียหายจึงไม่ตาย ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ฐานทำร้ายร่างกาย และฐานมีอาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาต ให้ลงโทษจำคุกโดยเรียงกระทงลงโทษ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นและความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยใช้ขวดตีผู้เสียหายขณะนอนหลับอยู่จนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย เมื่อผู้เสียหายรู้สึกตัวแล้วพยายามลุกขึ้นนั่ง จำเลยก็ได้เตะผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายล้มลงในท่านอน เมื่อผู้เสียหายพยายามจะลุกขึ้นนั่งอีกจำเลยก็พูดว่า “จะสู้หรือ” จะสู้หรือ”แล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายพฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวไม่ส่อให้เห็นว่าจำเลยแกล้งหลอกขู่ผู้เสียหายเล่น ๆ แต่ส่อแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ศาลฎีกาจึงเชื่อว่าจำเลยทราบว่าปืนลูกซองพกที่จำเลยยิงผู้เสียหายมีกระสุนบรรจุอยู่ ที่กระสุนด้านไม่ระเบิดนั้น อาจเป็นเพราะกระสุนเสื่อมคุณภาพหรือเป็นเหตุบังเอิญประการอื่น หาเป็นการแน่แท้ว่าจะไม่สามารถทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายจากการยิงของจำเลยไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ ในปัญหาว่าที่จำเลยทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กายและพยายามฆ่าผู้เสียหายการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวหรือสองกรรม นั้น ปรากฏว่าจำเลยเข้ามาในท้องที่เกิดเหตุในขณะที่ผู้เสียหายนอนหลับอยู่ ในขณะนั้นถ้าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้วก็น่าจะใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมายิงผู้เสียหายเสียเลย ไม่น่าจะใช้ขวดตีผู้เสียหายจนผู้เสียหายตื่นขึ้นมา ศาลฎีกาเห็นว่าในตอนแรกจำเลยมีเจตนาเพียงแต่จะทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น ยังไม่มีเจตนาฆ่าจึงไม่ใช่อาวุธปืนที่พกติดตัวมายิง เมื่อจำเลยทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กายเป็นความผิดสำเร็จไปแล้ว ผู้เสียหายซึ่งถูกจำเลยทำร้ายจนล้มลงนอนพยายามลุกขึ้น จำเลยเข้าใจว่าผู้เสียหายจะต่อสู้จึงใช้ปืนลูกซองพกซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงที่อาจทำให้ผู้ถูกยิงถึงแก่ความตายได้ยิงผู้เสียหายจะเห็นได้จากการที่จำเลยพูดขึ้นก่อนที่จะยิงผู้เสียหายว่า “จะสู้หรือ จะสู้หรือ” คดีฟังได้ชัดว่าจำเลยเพิ่งมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหลังจากทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กายไปแล้ว เพราะเข้าใจว่าผู้เสียหายจะลุกขึ้นมาต่อสู้ ดังนั้นที่จำเลยทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับอันตรายแก่กายกับพยายามฆ่าผู้เสียหายจึงเป็นการกระทำอันเป็นความผิดสองกรรม
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น