แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้นั้น ต้องเป็นการรับรองโดยชัดแจ้งว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ได้ คำสั่งของผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นที่สั่งรับอุทธรณ์เพียงว่า “รับอุทธรณ์สำเนาให้โจทก์” เฉย ๆ เท่านั้น ย่อมไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6)พ.ศ.2518 มาตรา 3
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยเพราะเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้าม ศาลอุทธรณ์ก็อาจใช้ดุลพินิจไม่คืนค่าฤชาธรรมเนียมให้จำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ขับรถโดยประมาทชนกับรถซึ่งเอาประกันภัยไว้กับโจทก์ โจทก์เป็นผู้รับช่วงสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหาย ขอให้จำเลยร่วมกันใช้เงิน 11,156.20 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้าง เหตุที่รถชนกันไม่ใช่ความประมาทของจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามฟ้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่า รถยนต์คันเกิดเหตุไม่ใช่ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้าง และไม่ได้ประมาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์
จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์แล้วถือได้ว่ารับรองให้อุทธรณ์ได้ และเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์เพราะต้องห้ามตามกฎหมายก็ควรคืนค่าธรรมเนียมให้จำเลย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้นั้น ต้องเป็นการรับรองโดยชัดแจ้งว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ได้ ฉะนั้นคำสั่งของผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นที่สั่งรับอุทธรณ์เพียงว่า “รับอุทธรณ์ สำเนาให้โจทก์” เฉย ๆ เท่านั้น ย่อมไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 3 ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยและพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 นั้นชอบแล้ว ส่วนที่ศาลอุทธรณ์ไม่คืนค่าธรรมเนียมให้จำเลยที่ 2 นั้นเห็นว่าเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์อาจใช้ดุลพินิจไม่คืนค่าฤชาธรรมเนียมให้แก่จำเลยได้และไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
พิพากษายืน