คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยอมให้ผู้เสียหายร่วมประเวณีมีสิ่งตอบแทน แต่ผู้เสียหายผิดข้อตกลงจำเลยไม่พอใจ จึงได้ทำร้ายผู้เสียหายแล้วเอาปืนผู้เสียหายไปทิ้งที่ปรักน้ำกลางทุ่งนาเพราะกลัวผู้เสียหายจะยิงเอาการเอาปืนไปทิ้งน้ำโดยไม่นำเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตนหรือผู้อื่น แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาประสงค์จะเอาทรัพย์ การเอาปืนของผู้เสียหายไปทิ้งจึงไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์ ส่วนไฟฉายนั้นผู้เสียหายก็ให้จำเลยไปส่องทาง จำเลยเอาไปไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์เช่นเดียวกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักอาวุธปืน 1 กระบอก กับไฟฉาย 1 กระบอกของนายเทียนอกไป โดยจำเลยใช้จอบด้ามไม้ทุบฟาดตีทำร้ายนายเทียนฮกที่ศีรษะถึงบาดเจ็บสลบไป เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจเพื่อสะดวกแก่การลักพาและยึดถือเอาทรัพย์นั้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาไฟฉาย

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาไฟฉาย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยใช้สันจอบตีผู้เสียหาย และเอาปืนกับไฟฉายของผู้เสียหายไปจริง การกระทำของจำเลยมีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เพราะจำเลยเอาปืนไปทิ้งในปรักน้ำก็โดยกลัวผู้เสียหายจะยิงเอาส่วนไฟฉายผู้เสียหายก็ส่งให้จำเลยส่องทาง ไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295ให้จำคุกจำเลย 1 ปี แต่จำเลยได้ยอมรับต่อเจ้าพนักงานตำรวจ และนำไปเอาปืนของกลางคืน จึงลดโทษให้จำเลย 1 ใน 4 จำคุกจำเลย 9 เดือน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเชื่อว่า จำเลยได้ใช้สันจอบตีศีรษะผู้เสียหายจริง ก่อนจะมีการทำร้ายกันจะเนื่องด้วยเหตุใดนั้น ผู้เสียหายอ้างว่าเพราะจำเลยบอกขายเรือน แต่ผู้เสียหายยังไม่มีเงิน ขอให้รอช้า ๆ ไปสักหน่อย ต่อมาผู้เสียหายก็ถูกจำเลยตีศีรษะ เห็นว่าการที่จำเลยตีศีรษะผู้เสียหายนั้น น่าจะเป็นเหตุอื่นที่ผู้เสียหายผิดข้อตกลงกับจำเลย การที่จำเลยยอมให้ผู้เสียหายร่วมประเวณีด้วย คงมีสิ่งตอบแทน ผู้เสียหายคงผิดข้อตกลง จำเลยไม่พอใจ จึงได้ทำร้ายผู้เสียหายจำเลยรับว่าเอาปืนไปทิ้งที่ปรักน้ำกลางทุ่งนา เพราะกลัวผู้เสียหายจะยิงเอา การเอาปืนไปทิ้งน้ำโดยไม่นำเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตนหรือผู้อื่น ก็แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาประสงค์จะเอาทรัพย์การเอาปืนของผู้เสียหายไปทิ้ง จึงไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์ ส่วนไฟฉายนั้นผู้เสียหายก็ให้จำเลยไปส่องทาง จำเลยเอาไป จึงไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์เช่นเดียวกัน

ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลย 9 เดือน ศาลฎีกาเห็นว่ายังแรงไป

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นให้วางโทษจำคุกจำเลย4 เดือน คำรับของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุก 3 เดือนนอกจากนั้นคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยกฎีกาโจทก์

Share