คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลได้พิพากษาให้จำเลยขุดเหมืองให้น้ำไหลสู่นาโจทก์คดีถึงที่สุดแล้ว การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายอีกคดีหนึ่ง แต่ศาลยกฟ้องเพราะโจทก์สืบความเสียหายไม่ได้ ดังนี้ ย่อมไม่กระทบกระทั่งสิทธิของโจทก์ที่มีอยู่แล้วตามคำพิพากษาคดีแรกแต่อย่างใด ไม่มีเหตุที่จะให้งดการบังคับคดีไว้รอฟังผลของคดีหลัง.

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยขุดเหมืองให้น้ำเดินไปสู่นาโจทก์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยขุดเหมืองที่พิพาทให้น้ำไหลสู่นาโจทก์ตามสภาพเดิม หรือมิฉะนั้น ก็ให้จำเลยขุดเหมืองใหม่ให้โจทก์ได้รับน้ำทำนาได้สะดวก คดีถึงที่สุด โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ ศาลออกหมายจับจำเลยมา จำเลยแถลงต่อศาลว่า ศาลจะไปดูที่พิพาทในคดีแพ่งดำที่ ๑๑๓/๒๔๙๐ และจะมีทางปรองดองกันได้ ศาลจึงให้ปล่อยตัวจำเลยไป ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงว่า จำเลยไม่ปฏิบัติตามหมายบังคับ ศาลมีคำสั่งว่า คดีนี้ความสัมพันธ์กับคดีดำที่ ๑๑๓/๒๔๙๐ จึงให้งดไว้ รอการพิจารณษคดีหลังนี้ก่อน โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้ได้มีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว ให้จำเลยขุดเหมือง การที่โจทก์ฟ้องคดีแพ่งดำที่ ๑๑๓/๒๔๙๐ และคดีแดงที่ ๒๐๔/๒๔๙๐ เรียกค่าเสียหายอีก แม้ศาลจะยกฟ้อง เพราะโจทก์สืบความเสียหายไม่ได้ ก็ไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิของโจทก์ที่มีอยู่แล้วตามคำพิพากษาคดีแรกแต่อย่างใด
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาคดีแดงที่ ๗๒/๒๔๘๙

Share