แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ไม้แปรรูปของกลางแม้จำเลยจะได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายก็ตามแต่จำเลยมีไม้แปรรูปของกลางนั้นไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม้แปรรูปของกลางจึงเป็นไม้ที่จำเลยมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ซึ่งเป็นของที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้จำเลยตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ กับจำเลยได้มีไม้หวงห้ามประเภท ก. ที่แปรรูปแล้ว ซึ่งจำเลยได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๗, ๔๘, ๕๐, ๗๓, ๗๔ ทวิ, ๗๔ จัตวา พระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๘ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑๖พ.ศ. ๒๕๑๕ ข้อ ๖ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา๗, ๑๙, ๒๘ พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๒๕ มาตรา ๔ พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๕๓๐ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๒มาตรา ๔ ริบของกลาง และจ่ายสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา ๗, ๔๘, ๕๐, ๗๓, ๗๔ ทวิ, ๗๔ จัตวา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก ๑ ปี ปรับ๑๐,๐๐๐ บาท ฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก ๑ ปี ปรับ ๒๐,๐๐๐ บาท รวม ๒ กระทง เป็นจำคุก ๒ ปี ปรับ๓๐,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี ปรับ ๑๕,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ๒ ปี ของกลางริบไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ จ่ายสินบนนำจับแก่ผู้นำจับกึ่งค่าปรับ
จำเลยอุทธรณ์ขอไม่ให้ริบไม้ของกลาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยเพียงว่า ศาลมีอำนาจสั่งริบไม้ของกลางหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ไม้ของกลางมาโดยชอบด้วยกฎหมาย และเข้าใจว่าจะนำไปประกอบการใด ๆก็ได้โดยไม่จำต้องขออนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้อีก ความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเกิดขึ้นภายหลัง ไม้ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์ที่จำเลยมีไว้เป็นความผิดหรือได้ใช้ในการกระทำผิด หรือได้มาโดยการกระทำผิด ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งริบนั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้จำเลยจะได้ไม้แปรรูปของกลางมาโดยชอบด้วยกฎหมายก็ตาม แต่การมีไม้ไว้ในครอบครองของจำเลยดังกล่าวเป็นการมีไว้เพื่อการค้า กรณีจึงไม่เข้าข้อยกเว้นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา ๕๐(๓) การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามมาตรา ๔๘ ไม้แปรรูปของกลางจึงเป็นไม้ที่จำเลยมีไว้เนื่องจากการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ซึ่งเป็นของต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา ๗๔ แม้โจทก์ไม่ได้อ้างมาตรา ๗๔ แต่ก็ได้มีคำขอให้ริบไม้ของกลางมาแล้ว ศาลจึงมีอำนาจริบได้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.