คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ปลูกห้องแถวผู้เช่าห้องแถวจากจำเลยไม่ใช่ผู้เช่าช่วงที่ดินแต่เป็นบริวารของจำเลย
เหมือนฎีกาที่ 377/2500 และ 1000/2503

ย่อยาว

จำเลยเช่าที่ดินจากโจทก์มีกำหนด ๓ ปี แล้วปลูกเรือนแถวขึ้นให้คนเช่าอยู่อาศัย ครั้งครบกำหนด ๓ ปีแล้ว จำเลยค้างค่าเช่า โจทก์จึงฟ้องจับไล่ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและให้ใช้ค่าเช่าที่ค้าง และค่าเสียหายเป็นรายเดือนต่อไป โจทก์จำเลยได้ทำสัญญายอมความกันโดยจำเลยและบริวารยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและยอมชำระค่าเช่าที่ค้าง ศาลพิพากษาคดีไปตามยอมความ ต่อมาโจทก์ขอให้เรียกบริวารของจำเลยซึ่งอยู่ที่ห้องแถวดังกล่าวนั้นมาสอบถามและบังคับให้ออกไปจากที่ดินของโจทก์
ผู้ร้อง ๑๗ คน ซึ่งเป็นผู้เช่าห้องแถวนั้นร้องคัดค้านว่า ไม่ใช่บริวารของจำเลย เพราะโจทก์ยินยอมให้จำเลยปลูกห้องแถวนั้นเพื่อให้เช่า ผู้ร้องได้เช่าอยู่อาศัยเป็นเคหะ ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ผู้ร้องเข้าอยู่โดยอาศัยอำนาจการเช่าจากจำเลยเมื่อจำเลยหมดสิทธิในการเช่าที่ดินของโจทก์แล้ว ผู้ร้องก็หมดสิทธิที่จะอยู่ได้ต่อไป ผู้ร้องทั้งหมดเป็นบริวารของจำเลยตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๓๗๗/๒๕๐๐ จึงสั่งจับไล่ผู้ร้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเช่าที่ดินปลูกห้องแถว โจทก์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันห้องแถว การทีจำเลยให้ให้เช่าห้องแถวจะถือว่าเป็นการให้เช่าช่วงที่ดินที่ปลูกห้องแถวด้วยหาได้ไม่ แม้โจทก์รู้เห็นยินยอมการเช่าห้องแถว ก็ไม่ทำให้ผู้เช่าห้องแถวเกิดอำนาจพิเศษว่าไม่ใช่บริวารของจำเลย พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเช่าที่ดินจากโจทก์ปลูกห้องแถว จำเลยจึงเป็นผู้ใช้ที่ดินของโจทก์ ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้เช่าห้องแถวหาใช่ผู้เช่าที่ดินของโจทก์ไม่ ผู้เช่าอยู่อาศัยในห้องได้และใช้ที่ดินได้ก็โดยอาศัยอำนาจของจำเลย จึงเป็นบริวารของจำเลย พิพากษายืน

Share