แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำวิทยุของกลาง ซึ่งจำเลยใช้สำหรับติดต่อกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกลับบ้าน โดยไม่ส่งมอบให้แก่ผู้ที่เข้ารับเวรต่อจากจำเลย ไม่ทำให้จำเลยได้รับประโยชน์จากการใช้วิทยุของกลางดังกล่าวเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยแต่อย่างใด ต่อมาจำเลยได้นำวิทยุของกลางไปส่งมอบให้แก่ผู้บังคับบัญชาเพื่อคืนแก่ทางราชการ แสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริต ถึงแม้ทางราชการจะได้รับความเสียหายอันเกิดจากการไม่ได้ใช้วิทยุของกลางติดต่อราชการก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริตขึ้นมาได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักเอาวิทยุสื่อสารแบบมือถือจำนวน ๑ เครื่อง ของกรมตำรวจไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๑)
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๑) ให้จำคุก ๓ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า วิทยุของกลางเป็นวิทยุที่ใช้สำหรับติดต่อกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเท่านั้น การที่จำเลยเอาวิทยุของกลางติดตัวกลับไปบ้านโดยไม่ส่งมอบให้แก่ผู้ที่เข้ารับเวรต่อจากจำเลย จึงไม่ได้ทำให้จำเลยได้รับประโยชน์จากการใช้วิทยุของกลางเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยแต่อย่างใด ต่อมาจำเลยได้นำวิทยุของกลางไปส่งมอบให้แก่ร้อยตำรวจตรีประสงค์ เจริญสุข เพื่อคืนให้แก่ทางราชการ จึงแสดงให้เห็นได้ว่าการที่จำเลยเอาวิทยุของกลางไปนั้นไม่ได้เอาไปโดยเจตนาทุจริต ถึงแม้ทางราชการจะได้รับความเสียหายอันเกิดจากการไม่ได้ใช้วิทยุของกลางติดต่อราชการก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ทำให้การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริตขึ้นมาได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.