แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
การที่ศ.ซึ่งเป็นคนร้ายได้ยิงผู้อื่นแล้ววิ่งหนีมาขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของกลางคันที่จำเลยที่2นั่งคร่อมในที่นั่งคนขับและจอดไว้ข้างที่เกิดเหตุศ.กับคนร้ายที่อยู่ในรถยนต์ปิคอัพยิงต่อสู้กับร้อยตำรวจเอกว.ที่วิ่งไล่ตามเพื่อจับกุมเมื่อศ.ถูกยิงล้มลงจำเลยที่2ทิ้งรถจักรยานยนต์ของกลางทันทีวิ่งไปขึ้นรถยนต์ปิคอัพหลบหนีไปนั้นแม้จำเลยที่2มิได้ลงมือกระทำการยิงผู้อื่นด้วยแต่ตามพฤติการณ์ของจำเลยที่2แสดงว่าจำเลยที่2กับพวกคนร้ายที่ถูกตำรวจยิงตายและที่หลบหนีไปได้ร่วมกันวางแผนกระทำการฆ่าผู้อื่นมาแต่ต้นโดยตลอดโดยจำเลยที่2รับหน้าที่คอยพาคนร้ายที่ถูกตำรวจยิงตายหลบหนีไปหลังจากที่กระทำการฆ่าผู้อื่นบรรลุผลสำเร็จแล้วถือได้ว่าจำเลยที่2เป็นตัวการร่วมกระทำผิดด้วยกันกับคนร้ายที่ถูกตำรวจยิงตายและที่หลบหนีไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา83.
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ทั้ง สอง กับ พวก อีก หลาย คน ได้ ร่วมกัน มีอาวุธปืน หลาย กระบอก ไม่ มี หมายเลข ทะเบียน ของ เจ้าพนักงาน และกระสุนปืน ซึ่ง ใช้ กับ อาวุธปืน ดังกล่าว อีก หลาย นัด ไว้ ใน ความครอบครอง และ ได้ พา อาวุธปืน ดังกล่าว ไป ใน เมือง หมู่บ้าน และ ทางสาธารณะ โดย ไม่ ชอบ ด้วย กฎหมาย และ จำเลย ทั้ง สอง กับ พวก ได้ร่วมกัน ใช้ อาวุธปืน ยิง บุคคลอื่น 2 คน โดย เจตนา ฆ่า และ ไตร่ตรองไว้ ก่อน เป็น เหตุ ให้ บุคคล ทั้ง สอง ถึง แก่ ความตาย และ ยัง ร่วมกันต่อสู้ ขัดขวาง โดย ใช้ อาวุธปืน ยิง พยายาม ฆ่า ร้อยตำรวจเอก วุฒิชัยหอมยก ซึ่ง เป็น เจ้าพนักงาน ขณะ ปฏิบัติการ ตาม หน้าที่ ขอ ให้ ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 140, 288, 289, 370, 80, 83, 91พระราชบัญญัติ แก้ไข เพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526มาตรา 4 พระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิคำสั่ง ของ คณะปฏิรูป การปกครอง แผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลง วันที่ 21ตุลาคม 2519 ข้อ 4 คำสั่ง ของ คณะปฏิรูป การปกครอง แผ่นดิน ฉบับที่44 ลง วันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 ริบ อาวุธปืน กระสุนปืนและ ปลอกกระสุนปืน ของกลาง กับ นับโทษ จำเลย ที่ 2 ต่อ จาก คดีอาญาหมายเลขดำ ที่ 1043/2526 ของ ศาลชั้นต้น
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ยกฟ้อง ริบ อาวุธปืน ปลอก กระสุนปืน และ กระสุนปืนของกลาง ของกลาง อื่น คืน เจ้าของ
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา แก้ เป็น ว่า จำเลย ที่ 2 มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 ให้ ลงโทษ จำคุก ไว้ ตลอด ชีวิต นอกจากที่ แก้ คง ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น
จำเลย ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกา ฟัง ข้อเท็จจริง ว่า จำเลย ที่ 2 ได้ อยู่ ใน ที่ เกิดเหตุใน ขณะ เกิดเหตุ จริง แล้ว วินิจฉัย ว่า ข้อเท็จจริง แห่ง คดี ขณะที่ นาย ศักดิ์ ซึ่ง เป็น คนร้าย ได้ ยิง ผู้อื่น แล้ว วิ่งหนี มาขึ้น นั่ง ซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์ ของกลาง คัน ที่ จำเลย ที่ 2 นั่งคร่อม ใน ที่นั่ง คน ขับ และ จอด ไว้ ข้าง ที่เกิดเหตุ นาย ศักดิ์กับ คนร้าย ที่ อยู่ ใน รถยนต์ ปิคอัพ ยิง ต่อสู้ กับ ร้อยตำรวจเอกวุฒิชัย ที่ วิ่งไล่ ตาม เพื่อ จับกุม เมื่อ นาย ศักดิ์ ถูก ยิง ล้ม ลงจำเลย ที่ 2 ทิ้ง รถจักรยานยนต์ ของกลาง ทันที วิ่ง ไป ขึ้น รถยนต์ปิคอัพ หลบหนี ไป นั้น แม้ จำเลย ที่ 2 มิได้ ลงมือ กระทำ การ ยิงผู้อื่น ด้วย แต่ ตาม พฤติการณ์ ของ จำเลย ที่ 2 แสดงว่า จำเลย ที่ 2กับพวก คนร้าย ที่ ถูก ตำรวจ ยิง ตาย และ ที่ หลบหนี ไป ได้ ร่วมกันวางแผน กระทำการ ฆ่า ผู้อื่น มา แต่ ต้น โดย ตลอด โดย จำเลย ที่ 2รับ หน้าที่ คอย พา คนร้าย ที่ ถูก ตำรวจ ยิง ตาย หลบหนี ไป หลังจากที่ กระทำการ ฆ่า ผู้อื่น บรรลุ ผลสำเร็จ แล้ว จึง เรียก ได้ ว่า จำเลยที่ 2 เป็น ตัวการ ร่วม กระทำ ผิด ด้วย กัน กับ คนร้าย ที่ ถูก ตำรวจยิง ตาย และ ที่ หลบหนี ไป ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
พิพากษา ยืน.