คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2144/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 หยิบยกข้อเท็จจริงที่ว่า “จำเลยพาวัตถุระเบิดของกลางไปในบริเวณงานสวนสนุก” มาจากคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลย ซึ่งพนักงานสอบสวนอ้างส่งต่อศาลชั้นต้นในชั้นไต่สวนคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 1 โดยที่จำเลยมาศาลในวันดังกล่าวและแถลงไม่คัดค้านการฝากขังและลงลายมือชื่อไว้ในคำให้การพยานผู้ร้องและรายงานกระบวนพิจารณา โดยศาลอุทธรณ์ภาค 3 นำมาใช้ประกอบดุลพินิจในการลงโทษ ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพ หาใช่เป็นการรับฟังข้อเท็จจริงนอกฟ้องนอกสำนวนไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 55, 78
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 55, 78 วรรคหนึ่ง จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 ให้จำคุก 2 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 3 หยิบยกเอาข้อเท็จจริงในชั้นไต่สวนคำร้องขอฝากขังที่ว่า “จำเลยพาวัตถุระเบิดของกลางไปในบริเวณงานสวนสนุก” มาประกอบการใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยโดยที่โจทก์ไม่ได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวไว้ในคำฟ้อง เป็นการรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 หยิบยกข้อเท็จจริงดังกล่าวมาจากคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลย ซึ่งพนักงานสอบสวนอ้างส่งต่อศาลชั้นต้นในชั้นไต่สวนคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 1 โดยที่จำเลยมาศาลในวันดังกล่าวและแถลงไม่คัดค้านการฝากขังและลงลายมือชื่อไว้ในคำให้การพยานผู้ร้องและรายงานกระบวนพิจารณาด้วย โดยศาลอุทธรณ์ภาค 3 นำมาใช้ประกอบดุลพินิจในการลงโทษจำเลยซึ่งให้การรับสารภาพนั้น หาใช่เป็นการรับฟังข้อเท็จจริงนอกฟ้องนอกสำนวนไม่ ที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยสถานเบานั้น เห็นว่า จำเลยมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุระเบิดของกลางจำนวน 2 ลูก ที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ อันเป็นวัตถุอันตรายร้ายแรง สามารถทำอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของผู้อื่นได้โดยง่าย นับว่าเป็นอันตรายต่อประชาชนทั่วไป พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยเป็นเรื่องร้ายแรง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 กำหนดโทษจำเลยโดยลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งและลดโทษให้อีกกึ่งหนึ่งแล้วให้จำคุก 1 ปี นั้น เป็นคุณแก่จำเลยอย่างมากแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนนั้นเมื่อพิเคราะห์ถึงสภาพความผิดของจำเลยแล้ว เห็นว่า ข้ออ้างของจำเลยดังกล่าวยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาทุกข้อของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share