แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์ลงชื่อโดยพิมพ์ลายนิ้วหัวแม่มือ แต่มีผู้ลงชื่อเป็นพยานรับรองเพียงผู้เดียว จะถือว่าลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์ดังกล่าวเสมอกับลายมือชื่อไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 9 วรรค 3 ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (7) การที่โจทก์มาเบิกความว่าเป็นโจทก์จริงก็ไม่ทำให้ฟ้องที่ไม่ชอบนั้นเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งแปดคนว่าร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และจำเลยที่ ๘ ใช้เอกสารสิทธิปลอม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔,๒๖๕,๒๖๘,๙๑ และ ๘๓ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๒
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งประทับฟ้อง
จำเลยทั้งแปดให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งแปดปลอมเอกสารฟังได้ว่าจำเลยที่ ๘ ใช้เอกสารสิทธิปลอม พิพากษาว่าจำเลยที่ ๘ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘ ประกอบด้วยมาตรา ๒๖๕ จำคุก ๒ ปี จำเลยนอกนั้นและข้อหานอกจากนี้ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๘ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้อง อุทธรณ์ของจำเลยที่ ๘ ไม่จำต้องวินิจฉัย พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๘ เสียด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลวินิจฉัยว่า ปัญหาที่มาสู่ศาลฎีกาคงมีว่าฟ้องของโจทก์ถือได้ว่าเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ปรากฏว่าท้ายฟ้องของโจทก์ลงชื่อโดยพิมพ์ลายนิ้วหัวแม่มือโดยมีนายวิชาลงชื่อเป็นพยายแต่ผู้เดียว ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙ วรรค ๓ บังคับไว้ว่าลายพิมพ์นิ้วมือต้องมีพยานลงลายมือชื่อสองคน จึงเสมอกับลงลายมือชื่อเมื่อลายพิมพ์นิ้วมือท้ายฟ้องของโจทก์มีพยานรับรองเพียงคนเดียว จะถือว่าลายพิมพ์นิ้วมือของโจทก์เสมอกับลายมือชื่อไม่ได้ เมื่อฟ้องของโจทก์ไม่ได้ลงลายมือชื่อโจทก์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๗) ฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นฟ้องตามกฎหมาย เมื่อความปรากฏขึ้นในชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ว่าฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องตามกฎหมาย ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าตัวโจทก์ได้เบิกความในคดนี้แล้วว่าเป็นโจทก์ในคดีนี้จริง ย่อมได้ชื่อว่าโจทก์ได้ลงชื่อและเป็นฟ้องแล้วนั้น เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘ ก็ได้บัญญัติไว้ชัดแล้วว่าฟ้องจะต้องประกอบด้วยอะไรบ้างจึงจะเป็นฟ้อง เมื่อไม่ปฏิบัติตามย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องตามกฎหมาย
พิพากษายืน.