แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 70 ให้ถือว่าผู้รับไม้ไว้โดยรู้ว่าเป็นไม้ที่ได้มาโดยทำผิดต่อพระราชบัญญัตินี้ เป็นตัวการในการกระทำผิดนั้น จำเลยรับจ้างบรรทุกไม้โดยรถยนต์โดยรู้อยู่เช่นนั้นจึงมีความผิดเป็นตัวการมีไม้หวงห้ามยังไม่แปรรูปด้วย
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลย 800 บาท ตามพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 4, 24, 74, 74 ทวิ, 74 จัตวา ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2503 มาตรา 12,18 ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2518 มาตรา 28 ริบรถยนต์ของกลาง ให้จ่ายค่านำจับ 100บาท ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มุ่งบังคับผู้มีไม้ไว้ในครอบครองให้ขออนุญาต ไม่ประสงค์ถึงผู้ขนส่งพิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า คืนเกิดเหตุเวลาประมาณ 21 นาฬิกา เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยขณะขับรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน น.ย.02080 ของจำเลยบรรทุกไม้ของกลาง ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. และเป็นไม้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รุ่งขึ้นนายจั้วหรือสมศักดิ์ ขุนศรีเข้ารับสารภาพกับพนักงานสอบสวนว่าไม้ของกลางเป็นของตน จ้างให้จำเลยบรรทุก พนักงานอัยการยื่นฟ้องจำเลยกับนายจั้วหรือสมศักดิ์ ขุนศรี ฐานร่วมกันมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นายจั้วหรือสมศักดิ์ ขุนศรี ให้การรับสารภาพ จำเลยนี้ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นสั่งให้แยกฟ้องจำเลยนี้เป็นคดีใหม่ และพิพากษาลงโทษนายจั้วหรือสมศักดิ์ ขุนศรี ไปแล้วโจทก์จึงยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ โดยจำเลยนำสืบโต้แย้งว่า จำเลยรับขนไม้ของกลางให้นายจั้วหรือสมศักดิ์ ขุนศรี โดยไม่รู้ว่าเป็นไม้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายคดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยรู้อยู่แล้วหรือไม่ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว จำเลยเบิกความรับว่า จำเลยรู้ว่าไม้ชิงชันกับไม้ประดู่เป็นไม้หวงห้ามตามกฎหมาย ขณะที่ขนไม้ขึ้นรถนั้นยังเป็นเวลากลางวันอยู่ จำเลยช่วยแบกไม้ของกลางขึ้นรถด้วย จำเลยเคยถูกจับเรื่องบรรทุกไม้มาหลายครั้งแล้ว ไม้ของกลางเป็นไม้ที่ไม่มีรอยตราใด ๆ ของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ประทับอยู่เลย จำเลยอยู่ในฐานะที่ควรจะรู้ดีว่า ไม้ของกลางเป็นไม้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามบันทึกการจับกุมหมาย จ.3 ซึ่งจำเลยไม่ได้นำสืบโต้แย้ง ก็ปรากฏว่า จำเลยให้ถ้อยคำกับตำรวจผู้จับกุมว่า จำเลยได้รับจ้างบรรทุกไม้โดยทราบอยู่แล้วว่าไม้ดังกล่าวเป็นไม้ที่ได้มาจากการผิดกฎหมาย ที่จำเลยเบิกความว่า นายจั้วหรือสมศักดิ์ ขุนศรี บอกจำเลยว่าไม้ที่จ้างให้บรรทุกเป็นไม้ถูกต้องตามกฎหมายนั้นนายจั้วหรือนายสมศักดิ์ ขุนศรี เบิกความเป็นพยานจำเลยว่า จ้างให้จำเลยบรรทุกไม้โดยไม่ได้บอกว่าเป็นไม้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยรับจ้างบรรทุกไม้ของกลางโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 70 ให้ถือว่า ผู้ใดรับไว้ด้วยประการใดซ่อนเร้น จำหน่ายหรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้น ซึ่งไม้ที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้ที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำผิดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ มีความผิดฐานเป็นตัวการในการกระทำผิดนั้น จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานร่วมกันมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต”
พิพากษากลับ บังคับตามศาลชั้นต้น