แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ป.อ. มาตรา 332 (2) ให้อำนาจศาลสั่งให้โฆษณาคำพิพากษาเท่านั้น มิได้มีกฎหมายให้อำนาจศาลสั่งให้โฆษณาคำขออภัยด้วย การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 โฆษณาคำขออภัยโจทก์จึงเป็นการลงโทษจำเลยที่ 2 นอกเหนือจากโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย ต้องห้ามตาม ป.อ มาตรา 2 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 326, 328, 332 พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 มาตรา 4, 48 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันประกาศคำพิพากษาและคำขออภัยโจทก์ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ และหนังสือพิมพ์พัทยาเมล์ ด้วยเนื้อที่หนึ่งในสองของหน้าหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจำนวน 3 ครั้ง ภายใน 1 เดือน นับแต่ศาลมีคำพิพากษา โดยให้จำเลยทั้งสองเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 จำคุก 2 เดือน ปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 กับให้จำเลยที่ 2 โฆษณาคำพิพากษาและคำขออภัยโจทก์ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์และหนังสือพิมพ์พัทยาเมล์ ด้วยเนื้อที่หนึ่งในสองของหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับจำนวน 3 ครั้ง ภายในเวลา 1 เดือน โดยให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ยกฟ้องจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คงมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ข้อความที่จำเลยที่ 2 เขียนตามเอกสารดังกล่าว เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า ข้อความที่จำเลยที่ 2 เขียนบทความในคอลัมน์เพอร์สเป็กตีฟ โดยให้ชื่อเรื่องว่า “Lock, stock and two Smoking boyz” เมื่ออ่านแล้วย่อมเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องควบคุมรวบรวมโดยเกย์สองคน ทำให้บทความของจำเลยที่ 2 เป็นที่สะดุดตาน่าสนใจติดตามอ่าน และพาดหัวข้อบทว่า “ระวังการโกง : เอานักธุรกิจที่ร่ำรวยคนหนึ่งกับพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ให้ความร่วมมือสองสามคนเพิ่มยาเสพติดเข้าไปในกระเป๋าเดินทางของเขา จากนั้นย้ายเข้าไปในสำนักงานของเขา ใต้พาดหัวข้อบทดังกล่าวลงพิมพ์ภาพพร้อมระบุชื่อโจทก์ นายกอร์ดอน และนายเควิน โดยจำเลยที่ 2 เขียนบทความมีเนื้อหาสรุปเป็นใจความได้ว่า นายเควิน นักธุรกิจจากประเทศอังกฤษนำเงินมาร่วมลงทุนในบริษัทภาติกะ จำกัด กับนายกอร์ดอน และโจทก์ทำธุรกิจบาร์เกย์ บอยซ์ บอยซ์ บอยซ์ ต่อมานายเควิน ถูกจับข้อหานำบุหรี่เลี่ยงภาษีออกนอกราชอาณาจักรและมีเมทแอมเฟตามีนซุกซ่อนในซองบุหรี่ โดยนายกอร์ดอน ร่วมกับเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจัดบุหรี่ดังกล่าวให้แก่นายเควิน และสงสัยว่ามีเจ้าพนักงานตำรวจบางคนนำเมทแอมเฟตามีนไปใส่ในซองบุหรี่ หลังจากนายเควิน ถูกจับกุมและถูกควบคุมตัวที่เรือนจำจังหวัดชลบุรี โจทก์ทำการปรับปรุงห้องพักในอพาร์ตเมนต์ ขนย้ายทรัพย์สินและรถยนต์ยี่ห้อเมอร์ซีเดส เบนซ์ ของนายเควิน ไปไว้ที่อื่น รวมทั้งถอดถอนชื่อนายเควิน ออกจากกรรมการบริษัทภาติกะ จำกัด แล้วแต่งตั้งนายกอร์ดอน เป็นกรรมการแทน ทำให้ผู้อ่านบทความที่จำเลยที่ 2 เขียนเข้าใจว่าโจทก์กับนายกอร์ดอน หลอกลวงให้นายเควิน มาร่วมลงทุนแล้วร่วมกับเจ้าพนักงานตำรวจที่รับสินบนจากโจทก์เป็นรายเดือนเพื่อดูแลธุรกิจบาร์เกย์ บอยซ์ บอยซ์ บอยซ์ นำบุหรี่เลี่ยงภาษีและเมทแอมเฟตามีนมากล่าวโทษนายเควิน เมื่อนายเควิน ถูกจับดำเนินคดีข้อหานำบุหรี่เลี่ยงภาษีออกนอกราชอาณาจักรและข้อหามีเมทแอมเฟตามีนและถูกคุมขังที่เรือนจำจังหวัดชลบุรี โจทก์ร่วมกับนายกอร์ดอน ฮุบหรือกวาดเอาทรัพย์สินและกิจการของนายเควิน ในบริษัทภาติกะ จำกัด ที่ทำธุรกิจบาร์เกย์ในเมืองพัทยา ซึ่งไม่เป็นความจริงดังที่โจทก์นำพยานเอกสารต่าง ๆ มาสืบหักล้าง นอกจากนี้ในบทความที่จำเลยที่ 2 เขียนยังมีหัวข้อบทรองว่า Dangerours duo ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า คู่อันตราย เนื้อหาภายใต้หัวข้อบทดังกล่าวเป็นใจความว่าโจทก์กับนายกอร์ดอน มีประวัติเคยทำงานที่บริษัททีค โฮมส์ จำกัด ที่กรุงเอดินบะระและมีการยักยอกเงินของบริษัทดังกล่าวแต่มีการล้มคดีในเวลาต่อมา และกล่าวถึงนายเอียน แม็คโดนัลด์ ซึ่งร่วมทุนกับโจทก์ในธุรกิจบาร์เกย์ บอยซ์ บอยซ์ บอยซ์ ถูกไฟไหม้คลอกตายในห้องพักโรงแรมแอมเบียนซ์ รวมทั้งนายอีริค โบห์แมน ชาวสวีเดนถูกฆาตกรรมโดยนายทวีพรรณ วุฒิศรี ซึ่งเป็นนักเต้นอะโกโก้ ลูกจ้างของโจทก์ ซึ่งเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2530, 2533 และ 2539 ตามลำดับ การที่จำเลยที่ 2 กล่าวถึงนายกอร์ดอน และโจทก์ยักยอกทรัพย์ของบริษัททีค โฮมส์ จำกัด การตายของนายเอียน ซึ่งร่วมลงทุนกับโจทก์ และการตายของนายอีริค ซึ่งถูกฆาตกรรมโดยนายทวีพรรณลูกจ้างโจทก์ ย่อมทำให้ผู้อ่านบทความที่จำเลยที่ 2 เขียนเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนอันตรายไม่น่าคบ มีประวัติเกี่ยวข้องกับการยักยอกทรัพย์บริษัททีค โฮม์ จำกัด และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนายเอียน และนายอีริค ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น มานานแล้ว และไม่ปรากฏจากการสอบสวนว่าโจทก์เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวหรือไม่ การที่จำเลยที่ 2 นำเรื่องดังกล่าวมาเขียนก็เพื่อต้องการให้ผู้อ่านเรื่องนายเควิน ที่ร่วมลงทุนกับโจทก์และนายกอร์ดอน ให้รู้ว่าประวัติของโจทก์และนายกอร์ดอน เป็นคนอันตรายไม่น่าคบค้าสมาคมด้วย ย่อมทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชังจากบุคคลทั่วไป อันเป็นความ ผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ส่วนที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่า การเขียนชื่อเรื่อง หัวข้อบทหลักและหัวข้อบทรอง จำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นผู้เขียน บุคคลอื่นเป็นผู้เขียน ส่วนภาพโจทก์นายแอนดรูส์ เป็นผู้นำมาลงพิมพ์ เห็นว่า ชื่อเรื่อง หัวข้อบทและภาพของโจทก์เป็นเพียงส่วนประกอบของบทความทำให้บทความเด่นเป็นที่น่าสนใจของผู้อ่าน แต่เนื้อหาที่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อยู่ที่รายละเอียดของบทความที่จำเลยที่ 2 เขียน ส่วนที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่า เนื้อหาของบทความบางส่วนมิได้กล่าวถึงชื่อของโจทก์ เห็นว่า บทความที่จำเลยที่ 2 เขียนเกี่ยวข้องกับโจทก์ นายกอร์ดอน และนายเควิน แม้บางตอนจะไม่กล่าวถึงชื่อโจทก์โดยตรง แต่ก็มีคำว่าพวกเขา ผู้อ่านย่อมเข้าใจว่ารวมถึงโจทก์ด้วย พยานหลักฐานของโจทก์ฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 เขียนบทความคอลัมน์เพอร์สเป็กตีฟในหนังสือพิมพ์รายวันบางกอกโพสต์ฉบับภาษาอังกฤษ ฉบับลงวันที่ 20 พฤษภาคม 2544 เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ด้วยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 พยานหลักฐานที่จำเลยที่ 2 นำสืบมาไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามา ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 โฆษณาคำขออภัยโจทก์ในหนังสือพิมพ์นั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 332 (2) ให้อำนาจศาลสั่งให้โฆษณาคำพิพากษาเท่านั้น มิได้มีกฎหมายให้อำนาจศาลสั่งให้โฆษณาคำขออภัยด้วย การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 โฆษณาคำขออภัยโจทก์จึงเป็นการลงโทษจำเลยที่ 2 นอกเหนือจากโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง เห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้จำเลยที่ 2 โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์และหนังสือพิมพ์พัทยาเมล์จำนวน 3 ครั้ง ภายใน 1 เดือน โดยค่าใช้จ่ายของจำเลยที่ 2 คำขออื่นให้ยก