คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ภายหลังจากที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาแล้ว จำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลแรงงานกลางขอให้พิจารณาใหม่ ศาลแรงงานกลางฟังว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดจึงอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ ต่อมาโจทก์และจำเลยตกลงกันได้ ศาลแรงงานกลางได้พิพากษาตามยอมแล้ว แม้ศาลแรงงานกลางเพิกถอนกระบวนพิจารณาและคำพิพากษาของศาลแรงงานกลาง แต่ศาลแรงงานกลางไม่มีอำนาจสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาหรือคำสั่งอื่น ๆ ของศาลฎีกา แม้โจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลย และศาลแรงงานกลางพิพากษาตามยอมแล้ว แต่โจทก์ยังไม่ได้ถอนอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงต้องพิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ต่อไป เมื่อโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความจนศาลแรงงานกลางพิพากษาตามยอมไปแล้ว ข้อโต้แย้งตามคำพิพากษาของศาลแรงงานกลางจึงหมดไปไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ต่อไป พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ทั้งหกฟ้อง ขอให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าแก่โจทก์ทั้งหกและจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์ที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 ที่ 6
จำเลยขาดนัดและขาดนัดพิจารณา ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้พิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินต่าง ๆ ให้โจทก์ทั้งหก
โจทก์ทั้งหกสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “โจทก์ทั้งหกอุทธรณ์ว่าค่าตอบแทนการขายสินค้า (ค่านายหน้า) และค่าพาหนะที่จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์ทั้งหกเป็นค่าจ้าง จะต้องนำมาเป็นฐานในการคำนวณค่าชดเชยด้วย ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ค่าตอบแทนการขายสินค้าและค่าพาหนะไม่ใช่ค่าจ้างและไม่นำมารวมคำนวณค่าชดเชยเป็นการไม่ถูกต้อง ขอให้พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์เต็มตามฟ้องด้วย พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงตามสำนวนปรากฎว่าภายหลังที่โจทก์ทั้งหกยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาแล้ว จำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลแรงงานกลางขอให้พิจารณาใหม่ เพราะจำเลยไม่จงใจขาดนัดเนื่องจากไม่ทราบว่าถูกโจทก์ทั้งหกฟ้องคดีนี้ โจทก์ทั้งหกยื่นคำคัดค้าน ในวันนัดไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ โจทก์ทั้งหกขอถอนคำคัดค้านศาลแรงงานกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อฝ่ายจำเลยแถลงยืนยันข้อเท็จจริงตามคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ และฝ่ายโจทก์แถลงไม่คัดค้านเช่นนี้ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัด จึงอนุญาตให้พิจารณาคดีนี้ใหม่ และถือว่าคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลแรงงานกลางและวิธีการบังคับคดีที่ได้ดำเนินไปแล้ว กระบวนพิจารณาต่าง ๆ หรือคำสั่งอื่น ๆ ของศาลฎีกาเป็นอันเพิกถอนไปในตัว หลังจากนั้นศาลแรงงานกลางได้ไกล่เกลี่ยโจทก์ทั้งหกและจำเลยตกลงกันได้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความศาลแรงงานกลางได้พิพากษาตามยอมแล้ว รายละเอียดปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางลงวันที่ 16 ธันวาคม 2534เห็นว่า คดีนี้แม้ศาลแรงงานกลางเพิกถอนกระบวนพิจารณาและคำพิพากษาของศาลแรงงานกลาง แต่ศาลแรงงานกลางไม่มีอำนาจสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาหรือคำสั่งอื่น ๆ ของศาลฎีกา แม้โจทก์ทั้งหกได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยและศาลแรงงานกลางพิพากษาตามยอมแล้ว แต่โจทก์ทั้งหกยังไม่ได้ถอนอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงต้องพิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งหกต่อไป โจทก์ทั้งหกอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลแรงงานกลางลงวันที่ 24 กันยายน 2534 เกี่ยวกับการคำนวณค่าชดเชย เมื่อศาลแรงงานกลางได้เพิกถอนคำพิพากษานั้นเสียแล้ว เนื่องจากโจทก์ทั้งหกและจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความจนศาลแรงงานกลางพิพากษาตามยอมไปแล้ว ข้อโต้แย้งตามคำพิพากษาของศาลแรงงานกลางลงวันที่ 24 กันยายน 2534 จึงหมดไปไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งหกต่อไป”
พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งหกสำนวน.

Share