คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2117/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฎีกาที่มิได้กล่าวอ้างว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีไม่ชอบเพราะเหตุใด เป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265, 268, 91 พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522มาตรา 6 วรรคแรก, 42, 59, 64, 66 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ริบแผ่นป้ายทะเบียนและแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปีของกลาง คืนรถยนต์สามล้อสาธารณะของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหาฐานขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถและสำเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถในขณะขับรถเพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงาน ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์พ.ศ. 2522 มาตรา 42, 64, 66 อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษโดยลงโทษตามมาตรา 64 และ 66 ปรับกระทงละ500 บาท รวมปรับ 1,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 500 บาท ไม่ชำระค่าปรับบังคับตามมาตรา 29, 30 ริบแผ่นป้ายทะเบียนและแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ประจำปีของกลาง คืนรถยนต์สามล้อสาธารณะของกลางแก่เจ้าของ ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์โดยอธิบดีกรมอัยการลงลายมือชื่อรับรองในอุทธรณ์ว่ามีเหตุอันควรที่ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาโดยอธิบดีกรมอัยการลงลายมือชื่อรับรอง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ในฎีกาของโจทก์ ข้อ 2 ตอนต้นจะบรรยายมาว่า โจทก์ไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ข้อ ก. ข. และ ค. จึงขอฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และในฎีกาข้อ 3 จะมีคำขอให้ศาลฎีกาลงโทษจำเลยตามฟ้องก็ตาม แต่ในฎีกาของโจทก์ก็มิได้กล่าวอ้างว่าการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดตามฟ้องข้อ ก. และข้อ ค. ไม่ชอบเพราะเหตุใด จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน.

Share