คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211/2463

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๖๐ เวลากลางวัน จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งสมคบกันใช้สาตราวุธขู่จะทำร้ายนางสาวหล้าคนเลี้ยงโค แล้วแย่งเอาโคของนายช้อยที่ให้นางสาวหล้าเลี้ยงไป ๑ โคราคา ๒๒ บาท ที่ตำบลดอนหว่าน ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๙๘-๒๙๙ ฯ
จำเลยให้การปฏิเสธข้อหา แลต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ ฯ
ศาลจังหวัดมหาสารคามพิจารณาคดีแล้ว เห็นว่าพยานโจทย์เบิกความต่างกันไม่ควรฟัง จึงพิพากษายกฟ้องโจทย์ปล่อยจำเลยไป ฯ
โจทย์อุทธรณ ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษเห็นว่า พยานโจทย์หาได้เบิกความแตกต่างกันไม่ ควรฟังว่าจำเลยกับพวกเปนผู้ร้ายชิงโครายนี้ไปจริง พิพากษากลับคำพิพากษาเดิม ให้ลงโทษจำคุกจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๙๙ ฐานชิงทรัพย์มีกำหนด ๓ ปี ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกาคัดค้านในข้อเท็จจริง ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนเรื่องนี้แล้ว ได้ความตามคำนางสาวหล้านางสาวเสียงซึ่งเลี้ยงโคอยู่ด้วยกัน เบิกความชัดเจนว่าพยานเคยรู้จักจำเลยมาก่อนแล้ว เมื่อเกิดเหตุนั้นจำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งมาขอหมากนางสาวหล้ากิน นางสาวหล้าตอบว่าไม่มี แล้วจำเลยกับพวกก็จูงแลไล่โคที่นางสาวหล้าเลี้ยงนั้นไป ๑ ตัว นางสาวหล้า นางสาวเลียงวิ่งตามจำเลยแล้วร้องบอกว่าอย่าเอาโคไป จำเลยชักมีดจากที่เหน็บเอวพูดขู่จะทำร้ายพยาน พยานมีความกลัวจึงวิ่งมาบอกนางช้อยเจ้าของโค คำพยานที่เบิกความมาแล้วหาแตกต่างกันไม่ ทั้งมีพยานประกอบว่าเมื่อเกิดเหตุแล้วจำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งจูงโคของนางซ้อยไปทางทิศเหนือ ฟังเปนความจริงได้ว่าจำเลยได้ชิงโคของนางซ้อยไปดังข้อหา ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษลงโทษจำเลยฐานยชิงทรัพย์นั้นชอบแล้ว ให้ยกฎีกาของอ้ายก้านจำเลยเสีย ฯ

Share