คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 167/2463

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันเปนอั้งยี่ตั้งสมาคมมีนามว่า บ้วนเสงก๊วน เนื่องจากคณะ งี่เฮงกงษี โดยปกปิดวิธีการและตั้งขึ้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๑ เวลากลางวันพวกจำเลยได้ประชุมกันที่ห้องแถว ตำบลเจ้าเจ็ด เจ้าพนักงานจับตัวจำเลยพร้อมด้วยของกลางเครื่องสำหรับอั้งญี่ดังแจ้งในบาญชีท้ายฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๑๗๗ – ๑๗๙ แต่นายเสี่ยงหงวนเคยรับโทษฐานทำร้ายร่างกาย ศาลตัดสินกำหนดโทษจำคุก ๖ เดือนแล้วให้รอการลงอาญา กลับมากระทำผิดขึ้นอีกขอให้เพิ่มโทษนายเอี่ยงหงวนจำเลยตามมาตรา ๗๒ ฯ
จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธข้อหา และแก้ว่าของกลางที่จับมานั้นไม่ใช่ของจำเลย แต่นายเอี่ยงหงวนจำเลยรับว่า ศาลได้ตัดสินลงโทษจำเลยครั้ง ๑ จริง แต่ให้รอการลงอาญาไว้ ฯ
พิจารณาได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุเรื่องนี้มีพวกจีนในตำบลนี้ก่อการวิวาทกันเนือง ๆ ถึง ๕ ครั้งมาแล้ว เจ้าพนักงานสืบได้ความว่าจีนพวกนั้นเปนอั้งญี่ ตั้งสมาคมประชุมกันที่ห้องแถว ตำบลเจ้าเจ็ด เนือง ๆ ครั้งเจ้าพนักงานทราบว่ามีพวกจีนอั้งญี่ประชุมกันอีกในวันเกิดเหตุเวลา ๗ นาฬิกาหลังเที่ยง เจ้าพนักงานจึงพากันไปเพื่อจะจับพวกจีนที่ประชุมกัน พอเจ้าพนักงานไปเกือบจะถึงห้องแถวนั้น มีพวกจีนประมาณ ๓๐ คนต่างหนีออกจากห้องแถว หนีลงเรือบ้างหนีทางบกบ้าง เจ้าพนักงานจึงตามจับได้ตัวจำเลยเหล่านี้ แต่ที่หนีไปเสียจับตัวไม่ได้อีกหลายคน เจ้าพนักงานจับตัวนายเลี่ยงหงวนพร้อมด้วยของกลาง คือบาญชีจำนวนผู้เข้าอั้งญี่ เข้าใหม่ ๘๘ คน แลบาญชีรายนามของพวกอั้งญี่ ที่เสียเงินค่าบำรุงในสมาคมนั้นรวม ๓ ฉบัพ ในบาญชีนั้นปรากฎว่านายเลี่ยงหงวนจำเลยเปนญี่เฮีย นายโหงวจำเลยเปนซาเฮีย และได้ของกลางจากนายเอี๊ยมพวกของจำเลย คือ ผ้าขาวพิมพ์เปนตัวอักษรจีน เปนหนังสือสำคัญสำหรับตัวผู้เปนอั้งญี่ (เรียกว่าโถ๋ไป๋) มีนามว่า งี่เฮง ประทับตรายี่ห้อ บ้วนเสงก๊วน และมีหนังสือแสดงเรื่องอั้งญี่อยู่ในนั้น แต่นายเอี๊ยมตายเสียในเรือนจำแล้ว ทั้งมีพยานได้เห็นนายเลี่ยงหงวนกับพวกจำเลยได้ประชุมกันที่ห้องแถวนั้นก่อนเวลาที่เจ้าพนักงานมาจับ ได้ความดังนี้ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานสมคบกันเปนอั้งญี่ ตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๑๗๗ ให้จำคุกนายเลี่ยงหงวน นายโหงวผู้เปนหัวน่าอั้งญี่มีกำหนดคนละ ๓ ปี ให้จำคุกนายเถี่ยม นายยี่ นายเง็ก นายเบ็งจำเลยคนละ ๒ ปี และให้เพิ่มโทษนายเลี่ยงหงวนตามมาตรา ๗๒ อีก ๑ ใน ๓ รวมให้จำคุกนายเลี่ยงหงวน ๔ ปี ฯ
โจทย์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษพิพากษาแก้ข้อที่กำหนดโทษนายเลี่ยงหงวนจำเลยคือ ให้ลงโทษนายเลี่ยงหงวนจำเลยซึ่งกระทำผิดมาแต่ก่อน ที่ศาลกำหนดโทษจำคุก ๖ เดือนให้รอการลงอาญาไว้นั้นมาบวกเข้าด้วย รวมให้จำคุกนายเลี่ยงหงวนมีกำหนด ๔ ปี ๒ เดือน นอกจากนี้ยืนตามศาลเดิม ฯ
นายเลี่ยงหงวนคนเดียวทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา คัดค้านในข้อเท็จจริง โดยมีหลวงพรหมปัญญา หลวงอุปธานนิติเหตุเนติบัณฑิตรับรอง ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนเรื่องนี้แล้ว ได้ความตามคำพยานหลักญานของโจทย์ดังกล่าวมาแล้ว ฟังเปนความจริงได้ว่านายเลี่ยงหงวนจำเลยเปนหัวน่าอั้งญี่บ้วนเสงก๊วน ตั้งสมาคมประชุมกันที่ตำบลเจ้าเจ็ด โดยปกปิดวิธีการของสมาคมมีให้ใครทราบ ครั้นเจ้าพนักงานไปถึงที่พวกจำเลยประชุมกันอยู่ พวกจำเลยต่างคนต่างขนเอาเครื่องสำหรับอั้งญี่ของสมาคมนั้นไปเสีย เพื่อจะปกปิดมิให้เจ้าพนักงานทราบ แต่หากเจ้าพนักงานจับจำเลยได้บางคน จึงได้เครื่องสำหรับอั้งญี่บางอย่าง และปรากฎว่าอั้งญี่ในสมาคมนี้ได้ก่อการวิวาทเนือง ๆ ทั้งตัวอ้ายเลี่ยงหงวนจำเลยก็เคนรับโทษฐานก่อการวิวาททำร้ายร่างกายกันครั้ง ๑ แล้ว แสดงให้เห็นว่าอั้งญี่ในสมาคมนี้ตั้งขึ้นเพื่อทำความไม่สงบเรียบร้อยอันมิชอบด้วยกฎหมายศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษพิพากษาลงโทษจำเลยฐานสมคบกันเปนอั้งญี่นั้นชอบเล้ว ฎีกาของอ้ายเลี่ยงหงวนจำเลยไม่มีเหตุจะแก้ไขคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ข้อหลวงพิเศษได้ ให้ยกฎีกาของอ้ายเลี่ยงหงวนจำเลยเสีย ฯ
วันที่ ๕ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓

Share