คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2109/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์ประสงค์ให้ศาลชั้นต้นยกคดีของโจทก์ซึ่งถูกยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคหนึ่ง ขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ โจทก์จำต้องปฏิบัติตามมาตรา 166 วรรคสองเสียก่อน โดยทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาลชั้นต้น เพื่อศาลจะได้ไต่สวนคำร้องให้ปรากฏข้อเท็จจริงในสำนวนว่ามีเหตุสมควรที่โจทก์มาศาลไม่ได้ตามกำหนดนัดดังที่กล่าวอ้างหรือไม่ แล้วจึงจะพิจารณาสั่งได้โดยถูกต้อง การที่โจทก์กลับยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าข้อกล่าวอ้างของโจทก์ดังกล่าวเป็นความจริงเพียงใดหรือไม่ ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่อาจวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ได้เพราะไม่มีข้อเท็จจริงที่จะวินิจฉัยให้ ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์ของโจทก์โดยวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นการปฏิบัติข้ามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
วันนัดไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๖
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องของโจทก์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่โจทก์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวเป็นการปฏิบัติข้ามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์มิได้อุทธรณ์โต้เถียงคัดค้านคำสั่งยกฟ้องของศาลชั้นต้นแต่อย่างไร หากแต่เป็นการร้องขอให้ศาลชั้นต้นยกคดีของโจทก์ขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๖ วรรคสอง ซึ่งโจทก์จะต้องแสดงให้ศาลเห็นว่ามีเหตุสมควรจึงมาไม่ได้ตามกำหนดนัด หรืออีกนัยหนึ่งก็คือโจทก์จะต้องนำสืบให้ปรากฏข้อเท็จจริงในสำนวนตามที่โจทก์กล่าวอ้างมาในฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์เพื่อให้ศาลวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบนั้นมีเหตุสมควรหรือไม่ ถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่ามีเหตุสมควรก็จะสั่งให้ยกคดีของโจทก์ขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่แต่ถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่มีเหตุสมควรก็จะสั่งให้ยกคำร้องของโจทก์เสียกรณีเช่นนี้โจทก์จึงจะอุทธรณ์คำสังของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์ได้ เพื่อให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ามีเหตุสมควรที่จะให้ยกคดีของโจทก์ขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่หรือไม่ ฉะนั้น เมื่อโจทก์ประสงค์ให้ศาลชั้นต้นยกคดีของโจทก์ขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ โจทก์จำต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๖๖ วรรคสอง เสียก่อน โดยทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาลชั้นต้น เพื่อศาลจะได้สั่งไต่สวนคำร้องให้ปรากฏข้อเท็จจริงในสำนวนแล้วจึงจะพิจารณาสั่งได้โดยถูกต้อง แต่โจทก์มิได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่แต่อย่างใด กลับยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องของโจทก์โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าตามฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์เป็นความจริงเพียงใดหรือไม่ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่อาจวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ได้ เพราะไม่มีข้อเท็จจริงที่จะวินิจฉัยให้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์เพราะอุทธรณ์ของโจทก์เป็นการปฏิบัติข้ามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share