คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3318/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นหญิงอายุ 20 ปี รูปร่างเล็กกว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นชายอายุ 31 ปี และถูกผู้เสียหายปลุกปล้ำเพื่อร่วมประเวณีด้วยในห้องพักของโรงแรม จำเลยได้ต่อสู้ดิ้นรนกับการกระทำของผู้เสียหาย ขณะที่ถูกผู้เสียหายนอนกดทับพยายามจะข่มขืนอยู่นั้น จำเลยดึงมีดคัตเตอร์ออกจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังมาทำร้ายผู้เสียหาย เป็นบาดแผลที่บริเวณคอ ความยาว 12 เซนติเมตรกว้าง 1/2 เซนติเมตร และลึก 1 เซนติเมตร แม้เป็นการกระทำโดยแรง ถึงขั้นมีดคัตเตอร์หัก แต่จำเลยก็กระทำครั้งเดียวเหตุที่มีดคัตเตอร์หักก็เป็นไปตามสภาพของมีดคัตเตอร์นั่นเอง ทั้งในสภาพที่ถูกกดทับพยายามจะข่มขืนอยู่นั้น จำเลยย่อมไม่มีทางจะเลือกกระทำต่อส่วนอื่นของร่างกายผู้เสียหายได้ คงกระทำได้แต่ส่วนบนที่ไม่ได้กดทับจำเลยเท่านั้น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใช้อาวุธมีด (คัตเตอร์) ปาดที่บริเวณคอผู้เสียหาย ๑ ที โดยเจตนาฆ่า จำเลยกระทำผิดโดยตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล เนื่องจากบาดแผลของผู้เสียหายไม่ลึกถึงหลอดลม หรือเส้นเลือดอันเป็นอวัยวะสำคัญ ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐, ๒๘๘ ริบอาวุธมีด (คัตเตอร์) ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา๒๘๘, ๘๐ ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง ของกลางคืนเจ้าของ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยมีอายุเพียง ๒๐ ปี ยังเป็นเด็กนักเรียน ย่อมอ่อนต่อโลกีย์วิสัย ต่างกับจำเลยซึ่งมีอายุ ๓๑ ปี แล้วอย่างมากแม้จำเลยจะยอมเข้าโรงแรมไปกับผู้เสียหายกว่า ๑๐ ครั้ง ก็เพียงเพื่อหวังจะได้เงินจากผู้เสียหาย แต่ก็ไม่ยอมให้ผู้เสียหายร่วมประเวณีตลอดมา ไฉนเลยคืนเกิดเหตุผู้เสียหายจึงอ้างทำนองว่าจำเลยจะยอมร่วมประเวณีกับผู้เสียหาย ข้อเท็จจริงน่าจะเป็นว่าเมื่อผู้เสียหายออกจากห้องน้ำ ผู้เสียหายเป็นคนปิดไฟแล้วดึงมือจำเลยมาที่เตียง ผลักจำเลยลงบนเตียงให้นอนหงาย แม้จำเลยต่อสู้ดิ้นรนก็สู้แรงผู้เสียหายไม่ได้ในที่สุดผู้เสียหายก็ถอดเสื้อจำเลย จนเสื้อชั้นในหลุดอยู่ในสภาพเปลือยอก ผู้เสียหายพยายามถอดกางเกง แต่จำเลยก็พยายามดึงกางเกงไว้ แสดงว่าจำเลยได้ดิ้นรนต่อสู้กับการกระทำของผู้เสียหาย ในที่สุดจำเลยได้สามารถดึงมีดคัตเตอร์ออกจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังมาทำร้ายผู้เสียหายแสดงให้เห็นเจตนาจำเลยว่าเพื่อระงับยับยั้งการกระทำของผู้เสียหายเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายของผู้เสียหาย โดยจำเลยไม่ได้ยินยอม แม้การใช้มีดคัตเตอร์เป็นผลให้ผู้เสียหายได้รับบาดแผลมีความยาวถึง ๑๒ เซนติเมตร กว้าง ๑/๒ เซนติเมตรและลึก ๑ เซนติเมตรก็เพียงแสดงว่า จำเลยกระทำโดยแรง แม้ถึงขึ้นมีคัตเตอร์หัก แต่จำเลยก็ทำเพียงครั้งเดียว เหตุที่มีดคัตเตอร์หักก็น่าจะเป็นไปตามสภาพของมีดคัตเตอร์นั่นเอง ทั้งในสภาพที่ถูกผู้เสียหายนอนกดทับพยายามจะข่มขืนจำเลยย่อมไม่มีทางเลือกกระทำต่อส่วนอื่นของร่างกาย คงกระทำได้แต่เพียงส่วนบนซึ่งไม่ได้กดทับจำเลยเท่านั้น ผู้เสียหายรูปร่างใหญ่กว่าจำเลย จำเลยเป็นผู้หญิงย่อมไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุจำเลยจึงไม่มีความผิด
พิพากษายืน.

Share