แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ออกเช็คเพื่อค้ำประกันเงินกู้ยืมและเพื่อเอาดอกเบี้ยที่ผิดกฎหมายเป็นรายเดือน ไม่อยู่ในวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค จำเลยจึงยังไม่มีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๑๑ จำเลยออกเช็คธนาคารกสิกรไทย จำกัด สั่งจ่ายเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ลงวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๑๑ ให้นางกุหลาบ ยาศิรินทร์ เพื่อชำระหนี้เงินที่จำเลยยืมไป ต่อมาวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๑๑ นางกุหลาบนำเช็คไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินธนาคารกสิกรไทย จำกัด ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น ทั้งนี้ โดยจำเลยออกเช็คในขณะที่ไม่มีเงินในบัญชีและเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น เหตุเกิดที่ตำบลวัดโสมนัส อำเภอป้อมปราบและตำบลถนนนครไชยศรี อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ จำคุก ๒ เดือน ปรานีลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ ให้หนึ่งในสาม คงจำคุก ๑ เดือน ๑๐ วัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำนางกุหลาบผู้เสียหายที่อ้างตามฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๑๑ จำเลยมากู้ยืมเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท โดยจำเลยออกเช็ค จ.๑ สั่งจ่ายเงินเพื่อใช้หนี้ให้ในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๑๑ นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะนางกุหลาบเองยอมรับว่านางบุญส่งภริยาจำเลยยืมเงินคนอื่นโดยนางกุหลาบเองเป็นคนไปเอาเงินมาให้ และนางบุญส่งได้ออกเช็คมอบให้นางกุหลาบไว้ด้วย เจือสมจำเลยที่ว่านางกุหลาบหักค่านายหน้าไว้พันบาท และเชื่อได้ด้วยว่านางกุหลาบได้หักดอกเบี้ยไว้ด้วย และยังรับว่าเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๑๐ จำเลยได้ออกเช็คให้นางกุหลาบไว้เพื่อค้ำประกันของจำเลย คือ เช็คหมาย จ.๑ รายนี้เอง ซึ่งจำเลยมอบให้ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๑๐ และรับว่าเช็ค จ.๑ นี้มีการขีดฆ่าวันที่ถึง ๓ ครั้ง ครั้งแรกสั่งจ่ายวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๑๐ แล้วแก้เป็นวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๑๐ ต่อมาจึงแก้เป็นวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๑๑ ยิ่งน่าเชื่อว่านางกุหลาบยอมให้จำเลยทำเพื่อเอาดอกเบี้ยที่ผิดกฎหมายเป็นรายเดือนจริงดังจำเลยนำสืบ พฤติการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ดังโจทก์ฟ้อง และตามฟ้องปรากฏชัดว่าจำเลยถูกควบคุมระหว่างสอบสวน ๒ วัน ด้วย สมข้ออ้างของจำเลย คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยก็ไม่เป็นจริงตามที่นางกุหลาลต้องยอมรับความจริงต่อศาลดังกล่าวข้างต้น ที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์จึงชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน