คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมอบอำนาจให้ จ. ทำสัญญาจ่ายเงินค่าตอบแทนให้กับโจทก์ แทนจำเลย เป็นเรื่องที่ จ. ทำสัญญาไปโดยได้รับความเห็นชอบยินยอมจากจำเลย ถึงหากต่อมาภายหลังโจทก์จะทำสัญญาจ่ายเงินให้ จ. บ้าง ก็ไม่ถือว่า จ. ทำสัญญาจ่ายเงินค่าตอบแทนให้กับโจทก์แทนจำเลยโดยเห็นแก่ อามิสสินจ้างจำเลยจะยกเอาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 825ขึ้นปฏิเสธความรับผิดหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้าเพื่อให้จำเลยเข้าทำสัญญาเป็นตัวแทนขององค์การผลิตอาหารสำเร็จรูปด้วยวาจาจำเลยจะให้บำเหน็จโจทก์ ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท จากผลแห่งการชี้ช่องและดำเนินการต่าง ๆ ของโจทก์ จำเลยได้เข้าทำสัญญาเป็นตัวแทนกับองค์การผลิตอาหารสำเร็จรูป
ภายหลังจากจำเลยได้เข้าทำสัญญาเป็นตัวแทนดังกล่าวแล้วประมาณ ๓-๔ วัน จำเลยได้จ่ายเงินให้โจทก์ ๓๐๐,๐๐๐ บาท ที่เหลืออีก๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท จำเลยขอผ่อนชำระเป็นงวด ๆ โดยนายจรูญผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยได้ทำสัญญาให้โจทก์ยึดไว้เป็นหลักฐาน ปรากฏตามสำเนาหนังสือสัญญาและสำเนาหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องหมายเลข ๑และ ๒ ต่อมาครบกำหนดจ่ายเงินงวด ๑ จำนวน ๒๘๐,๐๐๐ บาท โจทก์ไปขอรับเงิน จำเลยพูดบิดพลิ้วไม่รับผิดชอบตามหนังสือสัญญา จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยให้จ่ายเงินค่าบำเหน็จ ๑,๗๐๐,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์ และให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียม ค่าทนายความแทนโจทก์ด้วย
จำเลยให้การและขอเพิ่มเติมคำให้การว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมจำเลยให้โจทก์เป็นนายหน้าเรื่องอื่นมิใช่เรื่องเกี่ยวกับทำสัญญาเป็นตัวแทนขององค์การผลิตอาหารสำเร็จรูปการที่จำเลยได้เข้าเป็นตัวแทนขององค์การผลิตอาหารสำเร็จรูป ก็มิใช่เนื่องจากโจทก์ชี้ช่องสัญญาตามสำเนาท้ายฟ้องหมายเลข ๑ ไม่ผูกพันจำเลย เพราะนายจรูญเข้าทำสัญญากับโจทก์โดยได้รับคำมั่นจากโจทก์ว่าจะให้อามิสสินจ้างและรับอามิสไปบางส่วนจากโจทก์แล้ว
หากฟังว่าโจทก์เป็นนายหน้าจริง โจทก์ก็หามีสิทธิที่จะฟ้องบังคับจำเลยให้ชำระเงินแก่โจทก์เต็มทั้ง ๖ งวดไม่ คงบังคับได้เฉพาะงวดที่ ๑ เท่านั้น เพราะหนี้งวดต่อไปยังไม่ถึงกำหนดชำระ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์เป็นนายหน้าให้จำเลยจริงสัญญาหมายเลข ๑ ท้ายฟ้องมีผลใช้บังคับจำเลยได้ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเงินงวดอื่น ๆ ได้ทั้งหมด พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๑๐ ซึ่งเป็นวันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ๒๐,๐๐๐ บาทแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้พิเคราะห์สัญญาหมาย จ.๑ แล้ว เห็นว่า สัญญาหมาย จ.๑นี้ โจทก์ทำให้กับนายจรูญ ภายหลังที่นายจรูญทำสัญญาแทนจำเลยจ่ายเงิน ๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท ตามสัญญาหมาย จ.๖ ให้โจทก์แล้ว ค่าตอบแทนที่โจทก์ให้นายจรูญตามเอกสารหมาย จ.๑ จึงมิใช่เป็นอามิสสินจ้างในการจูงใจให้นายจรูญทำสัญญาหมาย จ.๖ ให้โจทก์ แต่เป็นเรื่องที่นายจรูญได้รับความเห็นชอบยินยอมจากจำเลยให้ทำสัญญาจ่ายเงิน๑,๗๐๐,๐๐๐ บาทให้โจทก์แล้ว ใบมอบอำนาจมีข้อความชัดแจ้งอยู่ในตัวว่าให้นายจรูญผู้รับมอบอำนาจไปทำสัญญาจ่ายเงิน ๑,๗๐๐,๐๐๐ บาทให้โจทก์ นายจรูญมิได้ปฏิบัติการไปโดยลำพัง หรือนอกเหนือกิจการที่จำเลยมอบหมายให้ จำเลยจะยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๘๒๕ ขึ้นปฏิเสธความรับผิดหาได้ไม่ เพราะผู้รับมอบอำนาจไม่ได้กระทำไปโดยเห็นแก่อามิสสินจ้าง
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ฎีกาให้ ๒๐,๐๐๐ บาท

Share