คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2082/2562

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการที่ว่า ผู้ร้องมิได้ส่งมอบสินค้าล่าช้า ข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่าผู้คัดค้านรับมอบสินค้าไว้ จึงต้องถือว่าผู้ร้องส่งมอบสินค้าตามสัญญาและตามใบสั่งซื้อแก่ผู้คัดค้านครบถ้วนแล้ว ทั้งในการประชุมเจรจาระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านยังถกเถียงกันเรื่องตัวเลขค่าปรับและการเริ่มคำนวณดอกเบี้ย ยังไม่เป็นที่ยุติ การโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านก็ไม่มีข้อความใดแสดงว่าเป็นการรับสภาพหนี้ ข้อวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานในสำนวน ไม่ใช่ข้ออ้างที่ผู้ร้องจะยกขึ้นขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการได้ตาม พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 40 เมื่อผู้ร้องกับผู้คัดค้านยังโต้แย้งกันเรื่องค่าปรับและดอกเบี้ยโดยยังไม่ได้ข้อยุติ ข้อความในการประชุมและในจดหมายโต้ตอบจึงไม่อาจถือว่าผู้คัดค้านยอมรับสภาพหนี้ ไม่เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14 (1) ทั้งการที่ผู้ร้องเคยนำข้อพิพาทนี้ยื่นฟ้องผู้คัดค้านต่อศาลแพ่งเมื่อพ้นกำหนดอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (5) ประกอบมาตรา 193/34 (1) แต่ศาลแพ่งมีคำสั่งจำหน่ายคดีเพราะเหตุต้องเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ ผู้ร้องก็มิอาจอ้างว่าได้ฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องหรือเพื่อให้ชำระหนี้อันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14 (2) เพราะเป็นข้อพิพาทที่ต้องเสนอต่อคณะอนุญาโตตุลาการ ตามมาตรา 193/14 (4) ดังนั้น ผู้ร้องยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการเรียกเอาค่าสินค้าที่ได้ส่งมอบพ้นกำหนดอายุความ 5 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/33 (5) ประกอบมาตรา 193/34 (1) ที่คณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดว่าสิทธิเรียกร้องของผู้ร้องขาดอายุความจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว การยอมรับหรือการบังคับตามคำชี้ขาดไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่มีเหตุที่ศาลจะเพิกถอนคำชี้ขาด
ผู้ร้องไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าสินค้าเพราะเหตุขาดอายุความ และคณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดให้ยกข้อเรียกร้องและข้อเรียกร้องแย้ง โดยให้คู่พิพาททั้งสองฝ่ายร่วมกันรับผิดชอบในค่าป่วยการอนุญาโตตุลาการและค่าใช้จ่ายชั้นอนุญาโตตุลาการ ย่อมเป็นการใช้ดุลพินิจกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตลอดจนค่าป่วยการอนุญาโตตุลาการที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ให้ผู้คัดค้านชำระเงิน 11,939,803.53 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1.25 ต่อเดือน นับแต่วันที่ผู้คัดค้านผิดนัดถึงวันยื่นคำเสนอข้อพิพาทเป็นเงิน 13,656,842.78 บาท รวมต้นเงินและดอกเบี้ย 25,596,646.31 บาท และให้ผู้คัดค้านชำระค่าป่วยการคณะอนุญาโตตุลาการกับค่าใช้จ่ายในชั้นอนุญาโตตุลาการแทนผู้ร้อง
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ชั้นพิจารณา คู่ความแถลงว่าข้อเท็จจริงในคดีนี้เป็นข้อเท็จจริงเดียวกับข้อเท็จจริงชั้นพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ ขอถือเอกสารทั้งหมดดังกล่าวแทนการสืบพยานในคดีนี้ และอ้างส่งบันทึกถ้อยคำแทนการเบิกความของพยาน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ให้ผู้ร้องใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้คัดค้าน โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่าเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2549 ถึงเดือนมิถุนายน 2550 ผู้ร้องกับผู้คัดค้านทำสัญญาซื้อขายสินค้าประเภทท่อ วาล์วน้ำมัน พร้อมทั้งอุปกรณ์อื่นที่เกี่ยวข้องหลายชนิด หลายรายการ และหลายครั้ง เพื่อใช้ในการก่อสร้างและติดตั้งในโครงการผลิตปิโตรเลียมของผู้คัดค้านในอ่าวไทย โดยผู้ร้องในฐานะผู้ขายตกลงขนส่งสินค้าทางเรือ และส่งมอบแก่ผู้คัดค้าน ณ ท่าเรือประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์ ผู้คัดค้านได้รับสินค้าและนำไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวของผู้คัดค้านเรียบร้อยแล้ว แต่ผู้คัดค้านชำระราคาค่าสินค้าให้แก่ผู้ร้องเพียงบางส่วน คงเหลือค้างชำระเป็นเงิน 11,939,803.53 บาท ผู้ร้องกับผู้คัดค้านประชุมเจรจากันเกี่ยวกับเงินค่าสินค้าที่ค้างชำระหลายครั้ง โดยประชุมครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2555 แต่หาข้อยุติไม่ได้ วันที่ 30 เมษายน 2557 ผู้ร้องยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ เรียกร้องให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1.25 ต่อเดือน นับแต่วันที่ผู้คัดค้านผิดนัดในแต่ละรายการ โดยดอกเบี้ยคิดถึงวันที่ 30 เมษายน 2557 ซึ่งเป็นวันยื่นคำเสนอข้อพิพาทเป็นเงิน 13,656,842.78 บาท รวมเป็นเงิน 25,596,646.31 บาท วันที่ 18 พฤษภาคม 2560 คณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดให้ยกข้อเรียกร้องของผู้ร้องและยกข้อเรียกร้องแย้งของผู้คัดค้าน
คดีมีปัญหาตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า มีเหตุเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการหรือไม่ เห็นว่า ข้อวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการที่ว่าผู้ร้องมิได้ส่งมอบสินค้าล่าช้า (รวมทั้งสินค้าประเภทท่อเหล็ก 20 รายการ ที่พิพาทในคดีนี้) ข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่าผู้คัดค้านรับมอบสินค้าไว้ จึงต้องถือว่าผู้ร้องส่งมอบสินค้าตามสัญญาและตามใบสั่งซื้อสินค้า (Blanket Order) ให้แก่ผู้คัดค้านครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว สำหรับการส่งมอบสินค้า 20 รายการ ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2549 ถึงเดือนมิถุนายน 2550 ถึงกำหนดชำระค่าสินค้ารายการแรกวันที่ 8 กรกฎาคม 2549 เรียงลำดับจนถึงรายการที่ 20 ซึ่งเป็นรายการสุดท้ายถึงกำหนดชำระวันที่ 16 มิถุนายน 2550 ทั้งในการประชุมเจรจาระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านยังถกเถียงกันเรื่องตัวเลขค่าปรับและการเริ่มคำนวณดอกเบี้ย ยังไม่เป็นที่ยุติ การโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านก็ไม่มีข้อความใดแสดงว่าเป็นการรับสภาพหนี้ ข้อวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานในสำนวน ไม่ใช่ข้ออ้างที่ผู้ร้องจะยกขึ้นขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการได้ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 40 เมื่อผู้ร้องกับผู้คัดค้านยังโต้แย้งกันเรื่องค่าปรับและดอกเบี้ยโดยยังไม่ได้ข้อยุติ ข้อความในการประชุมเจรจาและในจดหมายโต้ตอบจึงไม่อาจถือว่าผู้คัดค้านยอมรับสภาพหนี้ชำระค่าสินค้า 20 รายการนั้น ไม่เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14 (1) ทั้งการที่ผู้ร้องเคยนำข้อพิพาทนี้ยื่นฟ้องผู้คัดค้านต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2555 เป็นคดีหมายเลขดำที่ 398/2555 ซึ่งพ้นกำหนดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (5) ประกอบมาตรา 193/34 (1) แต่ศาลแพ่งมีคำสั่งจำหน่ายคดีเพราะเหตุต้องเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ ผู้ร้องก็มิอาจอ้างว่าได้ฟ้องคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกร้องหรือเพื่อให้ชำระหนี้อันเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14 (2) เพราะเป็นข้อพิพาทที่ต้องเสนอต่อคณะอนุญาโตตุลาการ ตามมาตรา 193/14 (4) ดังนั้น เมื่อหนี้ค่าสินค้า 20 รายการ ดังกล่าวถึงกำหนดชำระตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2549 เรียงลำดับถึงวันที่ 16 มิถุนายน 2550 ผู้ร้องยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม วันที่ 30 เมษายน 2557 เรียกเอาค่าสินค้าที่ได้ส่งมอบพ้นกำหนดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (5) ประกอบมาตรา 193/34 (1) ที่คณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดว่าสิทธิเรียกร้องของผู้ร้องขาดอายุความจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว การยอมรับหรือการบังคับตามคำชี้ขาดนั้นไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไม่มีเหตุที่ศาลจะเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 มาตรา 40 วรรคสาม (2) (ข) ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ที่ผู้ร้องขอให้ผู้คัดค้านรับผิดชดใช้ค่าป่วยการอนุญาโตตุลาการและค่าใช้จ่ายในชั้นอนุญาโตตุลาการแทนผู้ร้องนั้น เห็นว่า ดังวินิจฉัยข้างต้นว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าสินค้าเพราะเหตุขาดอายุความ และคณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดให้ยกข้อเรียกร้องและข้อเรียกร้องแย้ง โดยให้คู่พิพาททั้งสองฝ่ายร่วมกันรับผิดชอบในค่าป่วยการอนุญาโตตุลาการและค่าใช้จ่ายชั้นอนุญาโตตุลาการ ย่อมเป็นการใช้ดุลพินิจกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายตลอดจนค่าป่วยการอนุญาโตตุลาการที่ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อุทธรณ์ของผู้ร้องข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาให้เป็นพับ

Share