แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พนักงานอัยยการจังหวัดหนึ่งไปดำเนินคดีที่อีกจังหวัดหนึ่งได้โดยคำสั่งอธิบดีกรมอัยยการ แต่ต้องไปกระทำในฐานะเสมือนเป็นพนักงานอัยยการจังหวัดที่สั่งให้ไปดำเนินคดี
พนักงานอัยยการจังหวัดกาญจนบุรีซึ่งได้รับคำสั่งอธิบดีกรมอัยยการให้ไปดำเนินคดีที่จังหวัดกระบี่ ได้ระบุในฎีกาว่าเป็นฎีกาของพนักงานอัยยการจังหวัดกาญจนบุรี ในคดีที่พนักงานอัยยการจังหวัดกระบี่เป็นโจทก์ ดังนี้ศาลฎีกาไม่รับฎีกา.
ย่อยาว
โจทก์หาว่าจำเลยสมคบกันขนย้ายข้าวสารและเส้นหมี่ฝ่าฝืนกฎหมาย เหตุเกิดที่จังหวัดกระบี่ ปรากฎว่าอัยยการจังหวัดกระบี่เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดกระบี่ แต่นายผ่องอัยยการจังหวัดกาญจนบุรีลงชื่อในฟ้อง ทั้งนี้ได้ความว่าอธิบดีกรมอัยยการได้โทรเลขถึงคณะกรมการจังหวัดกระบี่ให้นายผ่องอัยยการจังหวัดกาญจนบุรีดำเนินคดีได้ และอธิบดีกรมอัยยการได้มีหนังสือแจ้งให้ศาลจังหวัดกระบี่ทราบเช่นเดียวกัน ต่อมานายผ่องได้ขอแก้ฟ้องเป็นว่าพนักงานอัยยการจังหวัดกาญจนบุรีเป็นโจทก์ ศาลเป็นแต่สั่งให้รวมสำนวน ต่อมาบรรดาถ้อยคำสำนวนได้ระบุอัยยการกาญจนบุรีเป็นโจทก์ ถึงขั้นอุทธรณ์ฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยบางคนยกฟ้องจำเลยบางคน
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าอัยยการจังหวัดกาญจนบุรีไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ ให้ยกฟ้อง
อัยยการจังหวัดกาญจนบุรีฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตาม พ.ร.บ.พนักงานอัยยการ ๒๔๗๘ ม.๒๐ นายผ่องอัยยการจังหวัดกาญจบุรีย่อมไปดำเนินคดีที่อัยการจังหวัดกระบี่เป็นโจทก์นั้นได้โดยคำสั่งอธิบดีกรมอัยยการ แต่ก็ต้องเป็นที่เข้าใจว่าไปกระทำในฐานะเสมือนหนึ่งว่าตนเป็นพนักงานอัยยการจังหวัดกระบี่ ไม่ใช่ในฐานะพนักงานอัยยการจังหวัดกาญจนบุรี คดีนี้เป็นคดีที่พนักงานอัยยการจังหวัดกระบี่เป็นโจทก์ แต่ในฎีกาปรากฎว่าเป็นฎีกาของพนักงานอัยยการจังหวัดกาญจนบุรี จึงรับฎีกาไม่ได้
พิพากษาให้ยกฎีกา จำเลยที่ไม่ได้สำเนาฎีกาให้จำหน่ายคดี.