แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ห. ขายสวนยางที่มีใบเหยียบย่ำให้แก่ ส. โดยทำสัญญาซื้อขายจดทะเบียนกันที่อำเภอ แต่ปรากฎว่า ห.ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินและทั้งไม่เคยมีชื่อปรากฎในทางทะเบียนให้บุคคลภายนอกเช่น ส. เข้าใจผิดแต่ประการใด ดังนี้ ส.จะอ้างความคุ้มครองตามมาตรา 1299,1300 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ได้.
ย่อยาว
ความว่า สวนยางรายพิพาทเป็นที่มือเปล่า นายหะยีนามะได้จับจองไว้ ต่อมานายแวมามะและนางแมะวาหลงได้ใช้สิทธิครอบครองภายในเส้นสีแดง นายลอนิครอบครองส่วนหมายอักษร ก. และได้มีการฟ้องร้องกัน โดยนายหะยีมามะเป็นโจทก์ นายแวมามะ นางแมะวาหลงกับนายลอนิเป็นจำเลย ที่สุดโจทก์ยอมความยกที่พิพาทให้แก่ฝ่ายจำเลย จำเลยต่างก็ถือเป็นเจ้าของครอบครองต่อมาภายหลังนายหะยีมามะทำใบมอบอำนาจให้นายเจ๊ะเต๊ะจัดการแทน นายเจ๊ะเต๊ะได้ขายที่พิพาทให้แก่นายเสาร์ ทำหนังสือซื้อขายที่อำเภอสุไหงปาตี นายเสาร์จึงฟ้องนายแวมามะและนางแมะวาหลงเป็นจำเลย ขอให้ศาลแสดงว่าที่สวนยาง (ภายในเส้นสีแดง) เป็นของตน นายแวมามะ และนางแวะมาหลงต่อสู้ว่า ได้ซื้อที่พิพาทจากผู้มีชื่อ และครอบครองมากว่า ๑๐ ปี นายเจ๊ะเต๊ะไม่ใช่เจ้าของ ไม่มีอำนาจขาย ต่อมานายเสาร์ได้นำเจ้าพนักงานศาลไปรังวัดที่ (หมาย ก.) ว่าเป็นของตนอีก นายลอนิ หรือวอนิ จึงเป็นโจทก์ฟ้องนายเสาร์เป็นจำเลยอีก ขอให้ศาลแสดงว่า ที่ดินหมาย ก. เป็นของโจทก์ ซึ่งได้มาโดยการครอบครองเป็นเจ้าของมากกว่า ๒๕ ปี นายเสาร์ให้การเช่นเดียวกับที่ฟ้องนายแวมามะ
คดี ๒ สำนวนนี้ ศาลชั้นต้นรวมพิพากษาว่า นายเสาร์ได้รับซื้อที่พิพาทไว้โดยสุจริตและได้รับความคุ้มครองตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา ๑๒๙๙,๑๓๐๐ ที่พิพาทจึงเป็นของนายเสาร์ ให้ขับไล่นายแวมามะ และนางแมะวาหลง ยกฟ้องคดีนายลอนิเป็นโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายแวมามะ, นางแมะวาหลงและนายลอนิ ฎีกา,
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า นายหะยีมามะผู้ทำการโอนที่ดินให้แก่นายเสาร์ ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน อีกทั้งไม่เคยมีชื่อปรากฎในทางทะเบียน ให้บุคคลภายนอก เช่น นายเสาร์เองเข้าใจผิดแต่ประการใด เมื่อนายหะยีมามะไม่ใช่เจ้าของที่ดิน ก็ย่อมไม่มีอำนาจโอนให้แก่นายเสาร์ และกรณีไม่เข้าอยู่ในความคุ้มครองตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๒๙๙,๑๓๐๐.
พิพากษากลับว่า ที่ดินในสำนวนที่นายลอนิเป็นโจทก์เป็นของนายลอนิ ห้ามมิให้จำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง ยกฟ้องคดีนายเสาร์เป็นโจทก์