คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2071/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายร้องทุกข์กล่าวหาว่าจำเลยยักยอกเงิน 419,235.40 บาท พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาฐานยักยอกทรัพย์ให้จำเลยทราบแล้วก่อนทำการสอบสวน แม้ต่อมาปรากฏว่าจำเลยถูกกล่าวหาความผิดฐานเดียวกันหลายกระทงและกระทำต่อเนื่องกันรวมเป็นเงิน 674,653.65 บาท พนักงานสอบสวนก็ไม่จำต้องแจ้งข้อหาให้จำเลยทราบทุกกระทง ถือได้ว่าคดีได้มีการสอบสวนโดยถูกต้อง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องว่าจำเลยยักยอกเงิน 674,653.65 บาทได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้จัดการของกลุ่มเกษตรกรทำนาวังน้ำซับได้ครอบครองเงินสดของกลุ่มเกษตรกรดังกล่าว ได้กระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระโดยเบียดเบียนยักยอกเงินไปรวม ๔๗ ครั้งเป็นเงิน ๖๗๔,๖๕๓.๖๕ บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๒, ๓๕๓, ๙๑ ฯลฯ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดและลงโทษได้เฉพาะกระทงความผิดที่ ๓๗ ถึง ๔๗ รวม ๑๑ กระทงเท่านั้น พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๓, ๙๑ ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะฎีกาปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีการับฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาว่า กลุ่มเกษตรกรทำนาวังน้ำซับจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จำเลยเป็นผู้จัดการมีอำนาจจ่ายเงินได้โดยมีหลักฐานการจ่ายเงินในปลายเดือนเมษายน ๒๕๒๐ ผู้ตรวจสอบบัญชีของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ได้ตรวจสอบบัญชี ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๑๙ถึงวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๒๐ พบว่าเงินขาดบัญชีไป ๔๗ ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น ๖๗๔,๖๕๓.๖๕ บาท (เป็นกรณีที่คดีไม่ขาดอายุความ ครั้งที่ ๓๗ ถึง ๔๗ รวม ๑๑ ครั้งเป็นเงิน ๒๐๐,๒๗๐.๗๕ บาท) เหตุที่เงินขาดบัญชีเพราะจำเลยไม่นำเงินฝากธนาคารตามระเบียบข้อบังคับ คณะกรรมการฯ ลงมติให้ประธานกรรมการไปแจ้งความกล่าวหาจำเลยครั้งเดียว ในการสอบสวนของพนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่จำเลย แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ที่จำเลยฎีกาว่า คดีนี้ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกล่าวหาว่าจำเลยยักยอกเงินไปสี่แสนบาทเศษ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาตามจำนวนเงินดังกล่าวให้จำเลยทราบแล้ว ส่วนเงินที่พบว่าจำเลยยักยอกใหม่ขึ้นอีก ผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์ แต่โจทก์ได้ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกเงินจำนวนใหม่นี้รวมเข้าไปด้วยกัน รวมเป็นเงินหกแสนบาทเศษ โดยพนักงานสอบสวนไม่แจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่จำเลยอีก โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยนั้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าคดีนี้ผู้เสียหายได้แจ้งความกล่าวหาจำเลยยักยอกข้อหาเดียว และพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหานี้ให้จำเลยทราบก่อนทำการสอบสวน ซึ่งปรากฏว่าจำเลยถูกกล่าวหาความผิดฐานเดียวกันหลายกระทง และกระทำต่อเนื่องกัน พนักงานสอบสวนไม่จำต้องแจ้งข้อหาเหล่านี้ให้จำเลยทราบทุกกระทง ก็ถือว่าคดีได้มีการสอบสวนโดยถูกต้อง และแม้ว่าโจทก์จะฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยยักยอกเงินผู้เสียหายไป ๖๗๔,๖๕๓.๖๕ บาท มากกว่าที่ผู้เสียหายร้องทุกข์กล่าวหาในชั้นเดิมว่าจำเลยยักยอกเงินไป ๔๑๙,๒๓๕.๔๐ บาท โจทก์ก็ยังฟ้องจำเลยข้อหายักยอกข้อหาเดิมมิได้ฟ้องในฐานอื่นเพิ่มเติมแต่อย่างใด โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องได้ ฯลฯ
พิพากษายืน

Share