แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กล้องถ่ายภาพยนตร์และกล้องถ่ายภาพนิ่งเป็นเพียงเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับผู้ถ่ายภาพยนตร์ หรือผู้ถ่ายภาพใช้ในการบันทึกภาพเป็นภาพยนตร์ หรือถ่ายภาพนิ่งเท่านั้นเอง หาเป็นของมีคุณค่าเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากการเป็นของใช้ตามธรรมดาไม่ ถึงแม้ว่าราคาของทรัพย์จะค่อนข้างสูงก็ตาม ก็ไม่ใช่เป็นของมีค่าตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 วรรคสอง
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยตลอดทั้งสำนวนแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์เสียหายเป็นเงิน 27,650 บาท จำเลยฎีกาว่าค่าเสียหายดังกล่าวนั้นเกินกว่าค่าเสียหายที่แท้จริง โดยจะให้ศาลรับฟังคำเบิกความบางตอนของพยานบางปากเพื่อให้สมข้ออ้างของจำเลยนั้น เป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
คดีทั้งสองสำนวนนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกล่องถ่ายภาพยนตร์จำนวนหนึ่งเครื่องราคา ๒๗,๖๕๐ บาท และกล้องถ่ายภาพนิ่ง ๑ กล้องราคา ๖,๐๐๐ บาท จำเลยทั้งสองคดีเป็นบุคคลเดียวกัน เป็นเจ้าของโรงแรมฟ้าสาง โจทก์ในคดีหลังไปถ่ายภาพยนตร์และภาพนิ่ง ในการประชุมสัมนาพนักงานช่างไฟฟ้าของโจทก์ที่จังหวัดนครราชสีมาได้เข้าพักโรงแรมของจำเลยห้องหมายเลข ๓๐๗ และได้นำเอากล้องถ่ายภาพยนตร์และกล้องถ่ายภาพนิ่ง เข้าไปเก็บไว้ในห้องพักด้วย ต่อมาโจทก์ในคดีหลังได้ออกไปธุระนอกโรงแรม ได้มีคนร้ายเข้าไปในห้องหมายเลข ๓๐๗ แล้วลักเอากล้องถ่ายภาพยนตร์และกล้องถ่ายภาพนิ่งไป โจทก์ได้แจ้งให้พนักงานโรงแรมของจำเลยทราบทันที และได้แจ้วความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้ว โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเสียหายดังกล่าวแต่จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยทั้งสองคดีให้การว่าโจทก์ไม่ได้ฝากของมีค่าไว้กับโรงแรมของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด ถึงแม้จะต้องรับผิดก็ไม่เกิน ๕๐๐ บาท ฯลฯ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองคดีใช้ค่าสินไหมทดแทนให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคโจทก์ในคดีแรก ๒๗,๖๕๐ บาท และให้แก่นายผัน พินทะอมิตร ๖,๐๐๐ บาท ฯ
จำเลยทั้งสองคดีอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองคดีฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายผัน พินทะอมิตร เป็นพนักงานของโจทก์คดีแรก และเป็นโจทก์ในคดีหลัง ได้นำกล้องถ่ายภาพยนตร์ของโจทก์ในคดีแรกและกล้องถ่ายภาพนิ่งของตนเองไปเก็บรักษาไว้ในห้องพักโรงแรมจำเลย ซึ่งนายผัน เช่าพักอาศัย กล้องดังกล่าวหายไปจากห้องนั้นโดยไม่ใช่ความผิดของนายผันในขณะที่นายผันออกไปธุระข้างนอก ฯ และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า กล้องถ่ายภาพยนตร์และกล้องถ่ายภาพนิ่งตามฟ้องเป็นเพียงเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับผู้ถ่ายภาพยนตร์ หรือผู้ถ่ายภาพใช้ในการบันทึกภาพเป็นภาพยนตร์หรือภาพนิ่งเท่านั้นเอง หาเป็ฯของที่มีคุณค่าเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากการเป็นของใช้ตามธรรมดาไม่ ถึงแม้ว่าราคาทรัพย์นี้จะค่อนข้างสูงก็ตาม ก็มิใช่เป็นของมีค่าตามความในกฎหมายตามที่จำเลยอ้างและคดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยตลอดทั้งสำนวนแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์สำนวนแรกเสียหายเป็นเงิน ๒๗,๖๕๐ บาท จำเลยฎีกาว่าค่าเสียหายดังกล่าวนั้นเกินกว่าค่าเสียหายที่แท้จริง โดยจะให้ศาลรับฟังคำเบิกความบางตอนของพยานบางปากเพื่อให้สมข้ออ้างของจำเลยนั้น เป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๖ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน