แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 บัญญัติเป็นหลักข้อบังคับไว้ว่าในการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่มีหลายสิ่งด้วยกันให้แยกขายทีละสิ่งต่อเนื่องกันไป แต่ให้อำนาจแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะจัดขายอสังหาริมทรัพย์สองสิ่งหรือกว่านั้นขึ้นไปรวมขายไปด้วยกันได้ ในเมื่อเป็นที่คาดหมายได้ว่าเงินรายได้ในการขายจะเพิ่มขึ้นเพราะเหตุนั้น
ที่ดินของจำเลยอยู่ติดกันแยกออกเป็นสองโฉนดเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ขายรวมขายไปคราวเดียวกันโดยบันทึกว่าเนื่องจากบ้าน 1 หลังปลูกคร่อมที่ดินทั้ง 2 โฉนดเพื่อให้ได้ราคาดีขึ้น ผู้ซื้อขอให้ขายรวมกันทั้งหมด จึงได้ตกลงขายรวมกันไปในคราวเดียวเช่นนี้ การที่ผู้ซื้อมีน้อยคนแล้วรวมขายทรัพย์ไปในคราวเดียวโดยตามใจผู้ซื้อซึ่งอ้างว่าจะได้ราคาดีขึ้นนั้นนอกจากจะฝ่าฝืนหลักของการขายทอดตลาดทรัพย์แล้วยังถือเอาความต้องการของผู้ซื้อเป็นประมาณโดยมิได้ใช้สามัญสำนึกว่าผู้ซื้อย่อมประสงค์ซื้อของให้ได้ในราคาถูกที่สุดเป็นธรรมดามาประกอบการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยบ้าง จึงไม่เข้าเกณฑ์ที่จะพึงคาดหมายได้ว่าการขายทรัพย์ของจำเลยรวมกันจะเพิ่มรายได้มากขึ้น
แม้การที่จำเลยไม่ได้มาระวังผลประโยชน์ของตนในวันขายทอดตลาดทรัพย์ ย่อมไม่ทำให้การขายนั้นเสียไปก็ดี แต่ถ้ามีพฤติการณ์ทั่วๆไปแสดงว่าการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่โจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อได้นั้นโน้มน้าวไปในทางรวบรัดกดราคา จำเลยก็มีสิทธิร้องขอให้ขายใหม่ได้
ย่อยาว
คดีนี้ เนื่องมาจากจำเลยยื่นคำร้องว่าทรัพย์ที่ขายทอดตลาดได้ราคาต่ำมาก เพราะมีแต่พวกโจทก์เท่านั้น สมรู้กันเข้าสู้กดราคา (โจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อได้ในราคา 7,500 บาท) ทรัพย์ของจำเลยอยู่ในชุมนุมชนที่ทำการค้าอย่างน้อยก็มีราคาถึง 50,000 บาท ที่จำเลยไม่ได้มาในวันขายทอดตลาดเพราะจำเลยสำคัญผิดเรื่องวันขายเนื่องจากการขายทรัพย์นี้โจทก์ผู้ซื้อยังไม่ได้ชำระราคา จำเลยขอวางเงินชำระหนี้แก่โจทก์ทั้งหมด เพื่อศาลสั่งระงับการบังคับคดีเสีย ศาลชั้นต้นสั่งว่า การขายทอดตลาดมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วเป็นความผิดของจำเลยที่ไม่ระวังผลประโยชน์ไม่มีเหตุที่จะอ้างได้ให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องจำเลยแล้วมีคำสั่งใหม่ โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยอ้างว่าโจทก์ซื้อทรัพย์ไว้โดยไม่สุจริต ทั้งโจทก์ก็ยังไม่ได้โอนทรัพย์นั้นไปยังบุคคลภายนอก จำเลยย่อมมีสิทธิขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดนั้นได้ พิพากษายืน (ฎีกาที่ 947/2505)
ศาลชั้นต้นไต่สวนตามคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวแล้วฟังว่า การขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไม่มีพฤติการณ์ใดแสดงให้เห็นความไม่สุจริตมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว สั่งยกคำร้องของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การเข้าสู้ราคาซื้อทรัพย์ส่อไปในทางไม่สุจริต พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นดำเนินการขายทอดตลาดใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า แม้การที่จำเลยไม่ได้ระวังผลประโยชน์ของตนในวันขายทอดตลาดทรัพย์ย่อมไม่ทำให้การขายนั้นเสียไปก็ดี แต่ตามพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าการประมูลซื้อทรัพย์ที่ขายทอดตลาดนี้มีเหตุน่าสงสัยว่าจะเป็นการสมรู้กันกดราคาซื้อดังจะเห็นได้ว่า เพียงแต่ที่ดินโฉนดที่ 8800 เนื้อที่ 35 ตารางวา ของจำเลยใน พ.ศ. 2502 โจทก์ก็ตกลงให้ราคาแก่จำเลยถึง 25,000 บาท แม้ราคานี้รวมถึงที่งอกริมตลิ่งเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวาด้วยก็ตาม แต่ก็พอจะเห็นได้ว่าราคาธรรมดาเฉพาะที่ดินโฉนดนั้นก็ควรจะได้ไม่ลดต่ำลงไปมากนัก โจทก์นำสืบว่า ที่บริเวณเดียวกันนี้ ถ้าขายราคาตารางวาละ 340 บาท ก็มีผู้จะซื้อ และที่ดินจำเลยทั้งสองโฉนดนี้นายกุหลาบจะซื้อในราคา50,000 บาท ทั้งที่ดินของนายย้อยซึ่งเดิมเป็นผืนเดียวกับของจำเลย เมื่อ 4 ปีล่วงมาแล้วแบ่งขายไปราคาตารางวาละ 200 บาท ส่วนที่เหลือ 63 ตารางวา ขายไปเมื่อเดือนมกราคม 2505 ราคาตารางวาละ 550 บาท ดังนั้นย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าราคาธรรมดาของที่ดินจำเลยอย่างต่ำก็ควรเป็นตารางวาละ 300-400 บาทจริงอยู่ราคาในการขายทอดตลาด อาจลดลงจากราคาปกติได้ แต่ก็ไม่ควรจะตกต่ำอย่างมากมาย เพราะเมื่อหักราคาบ้าน 1,500 บาทตามที่กะไว้ออกแล้ว ราคาที่ดินคิดเฉลี่ยก็เหลือเพียงตารางวาละ 88 บาทเศษเท่านั้น นอกจากนี้ในวันขายทอดตลาดก็ไม่มีคนอื่นเข้าสู้ราคานอกจากตัวโจทก์ทนายโจทก์และนายย่งปิง นายเจริญ ซึ่งเบิกความรับว่ารู้จักชอบพอกับบิดาโจทก์ ทำให้มีเหตุผลน่าระแวงว่าการประมูลซื้อทรัพย์ของจำเลยครั้งนี้ จะไม่ได้กระทำกันอย่างตรงไปตรงมา
อีกประการหนึ่ง ที่ดินของจำเลย แม้จะอยู่ติดกันก็แยกออกเป็นสองโฉนด แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ขายรวมขายไปคราวเดียวกันโดยบันทึกว่าเนื่องจากบ้าน 1 หลังปลูกคร่อมที่ดินทั้ง 2 แปลงเพื่อให้ได้ราคาดีขึ้นผู้ซื้อขอให้ขายรวมกันทั้งหมด จึงได้ตกลงขายรวมกันไปในคราวเดียว การขายทอดตลาดทรัพย์นี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 บัญญัติเป็นหลักข้อบังคับไว้ว่าในการขายทรัพย์สินที่มีหลายสิ่งด้วยกัน ให้แยกขายทีละสิ่งต่อเนื่องกันไป แต่ให้อำนาจแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะจัดขายอสังหาริมทรัพย์สองสิ่งหรือกว่านั้นขึ้นไปรวมขายไปด้วยกันได้ในเมื่อเป็นที่คาดหมายได้ว่า เงินรายได้ในการขายจะเพิ่มขึ้นเพราะเหตุนั้น การที่ผู้ซื้อมีน้อยคนแล้วรวมขายทรัพย์ไปในคราวเดียวโดยตามใจผู้ซื้อซึ่งอ้างว่าจะได้ราคาดีขึ้นนั้น นอกจากจะฝ่าฝืนหลักของการขายทอดตลาดทรัพย์แล้ว ยังถือเอาความต้องการของผู้ซื้อเป็นประมาณ โดยมิได้ใช้สามัญสำนึกว่า ผู้ซื้อย่อมประสงค์ซื้อของให้ได้ในราคาถูกที่สุดเป็นธรรมดามาประกอบการขายทอดตลาดของจำเลยบ้าง จึงไม่เข้าเกณฑ์ที่จะพึงคาดหมายได้ว่าการขายทรัพย์ของจำเลยรวมกันจะเพิ่มเงินรายได้มากขึ้น
เมื่อพิจารณาพฤติการณ์ทั่ว ๆ ไปดังกล่าวแล้ว เหตุผลแสดงว่าการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่โจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อได้นี้โน้มน้าวไปในทางรวบรัดกดราคา จำเลยมีสิทธิร้องขอให้ขายใหม่ได้พิพากษายืน