คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2507

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีที่โจทก์ฟ้องและยื่นคำขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถานั้น ถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่าโจท์ฟ้องไม่ได้ ต้องห้าม ก้พึงสั่งยกคำขอเสีย หาควรก้าวล่วงข้ามขั้นไปสั่งไม่รับฟ้องเสียทีเดียวไม่ ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรค 3 คืนค่าธรรมเนียมศาลอุทธรณ์ ฎีกา ในชั้นนี้ให้โจทก์

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องอนาถาขอให้ศาลสั่งถอนชื่อจำเลยที่ ๑ ในฐานเจ้าของรวมที่ดินพิพาทออกจาก ส.ค.๑ ให้โจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทแต่ผู้เดียวและสั่งว่า น.ส.๓ ซึ่งมีชื่อจำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของที่รายนี้แต่ผู้เดียวนั้นเป็นโมฆะ กับสั่งทำลายสัญญาเช่าที่ดินพิพาทระหว่างผู้เช่ากับจำเลยที่ ๑ เสียทั้งสิ้น
ศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนอนาถา
จำเลยทั้งสองแถลงคัดค้านว่า โจทก์ไม่ใช่คนยากจนอนาถา ทั้งคดีโจทก์ไม่มีมูลเพราะที่ดินรายเดียวกันนี้ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ ๑ ต่อศาลด้วยข้อหาอย่างเดียวกันตามคดีแพ่งดำที่ ๒๒๕/๒๕๐๕ ซึงกำลังดำเนินกระบวนพิจารณาอยู่ในศาลชั้นต้น คดีโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๗๒ ขอให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอนาถา
ศาลชั้นตั้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้ โดยไม่จำต้องไต่สวนอนาถา ให้งดเสียแล้วสั่งว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๗๒ ข้อ ๑ มีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ฟ้องไม่ได้ เพราะต้องห้ามก็ถึงสั่งยกคำขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาเสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาาตรา ๑๕๖ วรรค ๓ หาควรก้าวล่วงข้ามขั้นไปสั่งไม่รับฟ้องโจทก์เสียทีเดียวไม่ พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งตามมาตรา ๑๕๖ วรรค ๓ ค่าธรรมเนียมชั้นศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาในชั้นนี้ให้คืนแก่โจทก์ไป

Share