คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2062/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์มีคำสั่งให้ลูกจ้างบางแผนกไม่ต้องทำงานในวันเสาร์ในลักษณะวันเสาร์เว้นวันเสาร์สลับกันไปอันเป็นอำนาจบริหารจัดการของโจทก์ซึ่งกระทำได้ตามที่เห็นสมควรเพื่อผลประโยชน์ของโจทก์และอนุญาตแก่ลูกจ้างเป็นบางแผนกเท่านั้นอีกทั้งโจทก์มิได้ประกาศให้วันเสาร์เว้นวันเสาร์เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ การที่โจทก์อนุญาตให้ลูกจ้างไม่ต้องทำงานในวันเสาร์มีลักษณะเป็นการชั่วคราวยังถือไม่ได้ว่าโจทก์มีเจตนาเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างโดยให้วันเสาร์เว้นวันเสาร์เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์เพิ่มขึ้นอีก 1 วัน ฉะนั้น การที่โจทก์ประกาศให้ลูกจ้างของโจทก์มาปฏิบัติงานในทุกวันเสาร์ จึงเป็นการออกคำสั่งให้ลูกจ้างปฏิบัติงานในวันทำงานตามปกติ ซึ่งลูกจ้างทุกคนของโจทก์จะต้องปฏิบัติตามอยู่แล้วตามที่กำหนดไว้ในระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง การที่ลูกจ้างของโจทก์ทำงานในวันเสาร์จึงเป็นการทำงานในวันทำงานตามปกติ ย่อมไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2543 นายจักรพงษ์ ผ่องสุภาพนางสาวศิริรัตน์ ศักดิ์มงคล และนางอิงอร หนูเอียด (สกุลตัน) ซึ่งเป็นลูกจ้างของโจทก์ยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงานสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครปฐม เพื่อเรียกร้องค่าทำงานในวันหยุด จำเลยในฐานะเป็นพนักงานตรวจแรงงานได้มีคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานที่ 2/2544 ลงวันที่ 16 มกราคม2544 ให้โจทก์จ่ายค่าทำงานในวันหยุดแก่นายจักรพงษ์ นางสาวศิริรัตน์ และนางอิงอร จำนวนเงิน 26,356 บาท 17,565 บาท และ 25,335 บาท (ที่ถูก 21,335บาท) ตามลำดับ แต่โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของจำเลยเนื่องจากคลาดเคลื่อนทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโดยจำเลยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์กำหนดให้ลูกจ้างในแผนกการตลาดและขายต่างประเทศ แผนกการตลาดและขายในประเทศแผนกงบประมาณ แผนกบัญชี แผนกการเงิน แผนกจัดซื้อเม็ดพลาสติก แผนกสารสนเทศ และแผนกประสานการผลิต ทำงานวันจันทร์ถึงวันเสาร์โดยการทำงานในวันเสาร์นั้นให้ทำงานวันเสาร์เว้นวันเสาร์สลับกัน และวันอาทิตย์เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ ต่อมาวันที่ 30 ธันวาคม 2541 โจทก์ออกคำสั่งเป็นประกาศที่ พี-เอ็มที-063/2541 ให้พนักงานในแผนกต่าง ๆ ดังกล่าวมาทำงานในวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ และจ่ายค่าตอบแทนให้พนักงานคนละ 200 บาท ต่อเดือน โจทก์เห็นว่าตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของโจทก์กำหนดให้พนักงานทั่วไปทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน และมีวันหยุดประจำสัปดาห์ 1 วัน คือวันอาทิตย์ พนักงานทุกคนจะต้องปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวการที่โจทก์ให้พนักงานแผนกต่าง ๆ ข้างต้นหยุดสลับกันในวันเสาร์ก็เพื่อประโยชน์ของโจทก์เองและเป็นการทดลองหยุด โจทก์ไม่เคยมีประกาศหรือคำสั่งว่าวันเสาร์เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์แต่อย่างใด โจทก์จึงมีอำนาจที่จะสั่งให้พนักงานแผนกต่าง ๆ ดังกล่าวมาทำงานในวันเสาร์ได้ตามระเบียบข้อบังคับของโจทก์และไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง ส่วนเบี้ยพิเศษจำนวน 200 บาทโจทก์ได้จ่ายให้นอกเหนือจากเงินเดือนแก่พนักงานที่มาทำงานเฉพาะในวันเสาร์จึงไม่ใช่ค่าตอบแทนตามที่จำเลยวินิจฉัย ประกอบกับนางสาวศิริรัตน์ และนางอิงอรได้ยื่นใบลาออกตามระเบียบข้อบังคับของโจทก์ โดยใบลาออกของบุคคลทั้งสองมีข้อความว่า ไม่ติดใจที่จะเรียกร้องบริษัทโจทก์ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา บุคคลทั้งสองจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้โจทก์จ่ายค่าทำงานในวันหยุดคำสั่งของจำเลยที่วินิจฉัยให้โจทก์จ่ายค่าทำงานในวันหยุดแก่นายจักรพงษ์นางสาวศิริรัตน์ และนางอิงอร จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานที่ 2/2544 ลงวันที่ 16 มกราคม 2544 ของจำเลย

จำเลยให้การว่า นายจักรพงษ์ นางสาวศิริรัตน์ และนางอิงอร ทำงานเป็นลูกจ้างโจทก์โดยมีข้อตกลงว่าให้มีวันหยุดในวันเสาร์เว้นวันเสาร์และวันอาทิตย์ในแต่ละสัปดาห์ ต่อมาโจทก์ได้ให้ลูกจ้างทั้งสามมาทำงานในวันเสาร์ทุกวันโดยจ่ายเงินเพิ่มให้เดือนละ 200 บาท ลูกจ้างทั้งสามเห็นว่าไม่ถูกต้องและไม่เป็นไปตามกฎหมายแรงงาน จึงยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครปฐม จำเลยในฐานะพนักงานตรวจแรงงานสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานแล้วมีคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานที่ 2/2544 ลงวันที่ 16 มกราคม 2544 ให้โจทก์จ่ายค่าทำงานในวันหยุดแก่ลูกจ้างทั้งสาม คำสั่งของจำเลยจึงชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานที่ 2/2544 ลงวันที่ 16 มกราคม 2544 ของจำเลย

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า คำสั่งพนักงานตรวจแรงงาน ที่ 2/2544 ลงวันที่ 16 มกราคม 2544 ที่ให้โจทก์จ่ายค่าทำงานในวันหยุดแก่นายจักรพงษ์ ผ่องสุภาพ นางสาวศิริรัตน์ ศักดิ์มงคลและนางอิงอร หนูเอียด (สกุลตัน) ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่โดยจำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ตกลงให้ลูกจ้างทั้งสามมีวันหยุดงานทุกวันอาทิตย์และหยุดงานในวันเสาร์เว้นวันเสาร์ตลอดมา การที่โจทก์มีคำสั่งให้ลูกจ้างทั้งสามทำงานในวันเสาร์ทุกวันโดยคงมีวันหยุดงานเฉพาะวันอาทิตย์เพียงวันเดียวนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างที่ทำให้ลูกจ้างต้องรับภาระหนักขึ้น เมื่อลูกจ้างทั้งสามไม่ได้ตกลงยินยอม โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจที่จะทำได้ โจทก์จึงต้องจ่ายค่าทำงานในวันหยุดดังกล่าวให้แก่ลูกจ้างทั้งสาม พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของโจทก์ฉบับเดิมเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งประกาศใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2533 และฉบับใหม่ตามเอกสารหมาย จ.3ซึ่งใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2542 ได้กำหนดวันทำงานและเวลาทำงานปกติของโจทก์ไว้ในทำนองเดียวกันคือ ทำงานสัปดาห์ละ 6 วัน เวลาทำงานปกติไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง มีวันหยุดประจำสัปดาห์ 1 วัน คือวันอาทิตย์ ทางปฏิบัติโจทก์ให้ลูกจ้างแผนกการตลาดและขายต่างประเทศ แผนกการตลาดและขายในประเทศ แผนกงบประมาณ แผนกบัญชี แผนกการเงิน แผนกจัดซื้อเม็ดพลาสติกแผนกสารสนเทศ และแผนกประสานการผลิต ทำงานวันจันทร์ถึงวันเสาร์ โดยให้ทำงานวันเสาร์เว้นวันเสาร์สลับกันไป ส่วนวันอาทิตย์เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์นายจักรพงษ์ นางสาวศิริรัตน์ และนางอิงอรเป็นลูกจ้างโจทก์ ช่วงปี 2539 ถึง2540 ในแผนกขายต่างประเทศ ทำงานกับโจทก์โดยมีวันหยุดดังกล่าว ต่อมาวันที่30 ธันวาคม 2541 โจทก์ออกประกาศให้ลูกจ้างโจทก์แผนกต่าง ๆ ดังกล่าวมาทำงานทุกวันเสาร์ ตามเอกสารหมาย จ.4 เห็นว่า การที่โจทก์มีคำสั่งให้ลูกจ้างของโจทก์บางแผนกไม่ต้องทำงานในวันเสาร์ในลักษณะวันเสาร์เว้นวันเสาร์สลับกันไปนั้นเป็นอำนาจบริหารจัดการของโจทก์ซึ่งโจทก์ย่อมมีอำนาจกระทำได้ตามที่เห็นสมควรเพื่อผลประโยชน์ของโจทก์ และการอนุญาตให้ลูกจ้างไม่ต้องทำงานในลักษณะดังกล่าวโจทก์ก็อนุญาตแก่ลูกจ้างเป็นบางแผนกเท่านั้นมิใช่เป็นคำสั่งที่ให้ลูกจ้างของโจทก์ทั้งหมดถือปฏิบัติ อีกทั้งโจทก์ก็มิได้ประกาศให้วันเสาร์เว้นวันเสาร์เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ของโจทก์แต่อย่างใด การที่โจทก์อนุญาตให้ลูกจ้างไม่ต้องทำงานในวันเสาร์ดังกล่าวมีลักษณะเป็นการชั่วคราวในช่วงระยะเวลาตามที่โจทก์เห็นสมควรเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์มีเจตนาเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างโดยให้วันเสาร์เว้นวันเสาร์เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์เพิ่มขึ้นอีก 1 วัน ฉะนั้นการที่โจทก์ประกาศให้ลูกจ้างของโจทก์มาปฏิบัติงานในทุกวันเสาร์ตามเอกสารหมาย จ.4 จึงเป็นการออกคำสั่งให้ลูกจ้างปฏิบัติงานในวันทำงานตามปกติ ซึ่งลูกจ้างทุกคนของโจทก์จะต้องปฏิบัติตามอยู่แล้วตามที่กำหนดไว้ในระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของโจทก์ ไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างตามที่จำเลยอุทธรณ์แต่อย่างใด การที่ลูกจ้างทั้งสามของโจทก์ทำงานในวันเสาร์จึงเป็นการทำงานในวันทำงานตามปกติย่อมไม่มีสิทธิได้รับค่าทำงานในวันหยุดตามที่จำเลยวินิจฉัย ศาลแรงงานกลางพิพากษาชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share