แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงกันให้ถือเอาพยานหลักฐานต่างๆ ในคดีอาญาอีกเรื่องหนึ่งมาเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ โดยโจทก์ไม่ขอสืบพยานอื่นอีกจนศาลได้พิพากษาไปแล้วนั้น จำเลยที่ 2 ซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาจะโต้แย้งว่าข้อตกลงและคำพิพากษา ไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 ไม่ได้ เพราะโจทก์มีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานใดๆ มาสืบได้ ไม่จำต้องสืบพยานบุคคลเสมอไป และการนี้โจทก์ขอถือเอาพยานหลักฐานต่างๆ ในคดีอาญาเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้สืบพยานแล้ว ใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาชี้ขาดคดีได้
จำเลยให้การว่า จำเลยออกเช็คให้กับผู้มีชื่อเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว โจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต ลงวันที่ในเช็คเองโดยจำเลยมิได้ยินยอม ถือว่าโจทก์มีเช็คไว้ครอบครองโดยมิชอบ จึงเป็นผู้ทรงโดยมิชอบ คำให้การเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการยกอายุความขึ้นต่อสู้ เมื่อจำเลยมิได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น จะยกขึ้นต่อสู้ในชั้นฎีกาไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ 10,000 บาท แล้วออกเช็คลงวันที่ล่วงหน้าเพื่อชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก์ไว้โดยมีจำเลยที่ 2 สลักหลังเป็นประกัน เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์เรียกเก็บเงินไม่ได้ จึงร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีอาญากับจำเลยที่ 1 ศาลพิพากษายกฟ้องในข้อกฎหมายว่าจำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค แต่จำเลยทั้งสองยังต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คให้โจทก์ จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสองใช้เงิน 10,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 1 ให้การว่า ไม่เคยกู้เงินโจทก์ เช็คพิพาทจำเลยที่ 1 ออกให้กับนายโยกินเดอร์ซิงห์ เมื่อ พ.ศ. 2508 โดยมิได้ลงวันที่ออกเช็คไว้ และได้ชำระเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่นายโยกินเดอร์ซิงห์ไม่คืนเช็คให้อ้างว่าหาย เช็คฉบับนี้ออกให้เป็นเวลาเกินกว่า 5 ปีแล้ว โจทก์ลงวันที่เอาเองโดยจำเลยไม่ยินยอมโจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยมิชอบ และใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ไป 10,000 บาทแล้วออกเช็คสั่งจ่ายเงินให้โจทก์โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวนนี้พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ทราบนัดแล้วไม่มาศาล ศาลสั่งว่าจำเลยที่ 2 ขาดนัดพิจารณา และในวันนั้นเองโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ตกลงกันขอให้ถือเอาพยานหลักฐานต่าง ๆ ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 775/2514 ของศาลจังหวัดขอนแก่นเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้โดยโจทก์ไม่แถลงขอสืบพยาน จึงเป็นอันเสร็จการสืบพยานโจทก์ ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าโจทก์ไม่มีพยานบุคคลมาสืบและพยานเอกสารดังกล่าวใช้ยันจำเลยที่ 2 ไม่ได้ เพราะจำเลยที่ 2 มิได้ตกลงด้วยและศาลชั้นต้นไม่เปิดโอกาสให้จำเลยที่ 2 สืบพยานแก้คดีเป็นการไม่ชอบนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะโจทก์มีสิทธินำพยานหลักฐานใด ๆ มาสืบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 85 ไม่จำต้องนำพยานบุคคลนำสืบเสมอไป การที่โจทก์ขอถือเอาพยานหลักฐานในคดีอาญาดังกล่าวมาเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ถือว่าโจทก์ได้สืบพยานของตนแล้ว และเมื่อจำเลยที่ 2 ไม่มาศาลจนกระทั่งโจทก์สืบพยานเสร็จเช่นนี้ จะว่าศาลไม่เปิดโอกาสให้สืบพยานแก้คดีไม่ได้
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า เช็คพิพาทได้ออกมาก่อนวันที่ 18 มิถุนายน2513 จึงขาดอายุความ เพราะโจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2514 เกิน 1 ปี แล้วนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมิได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นการที่จำเลยอ้างว่าได้ออกเช็คให้กับนายโยกินเดอร์ซิงห์เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วเป็นเพียงการอ้างเหตุแสดงว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบเท่านั้น เมื่อจำเลยมิได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้น จะยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
พิพากษายืน