คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1222/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ผู้ทรงใช้สิทธิเรียกร้องโดยตรงกับจำเลยผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินมิได้เรียกร้องกับผู้สลักหลังหรือบุคคลอื่นซึ่งต้องรับผิดตามตั๋วนั้น การใช้สิทธิดังกล่าว จึงไม่ใช่การใช้สิทธิไล่เบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 968
เมื่อจำเลยผู้ออกตั๋วไม่ได้เขียนข้อความกำหนดให้เรียกดอกเบี้ยไว้โจทก์ย่อมเรียกดอกเบี้ยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ 3 ฉบับครบกำหนดการใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง 3 ฉบับแล้ว จำเลยไม่นำเงินมาชำระให้โจทก์ โจทก์ทวงถามจำเลยก็ไม่ชำระ จึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นรวม 47,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า ตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง 3 ฉบับนี้ เมื่อครบกำหนดใช้เงินแล้วโจทก์มิได้ยื่นขอให้รับรองและไม่ได้ทำคำคัดค้านภายในกำหนด ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นจึงไม่สมบูรณ์ และตั๋วดังกล่าวไม่มีข้อความใด ๆ ให้เรียกดอกเบี้ยได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ย

ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยและฟังว่า ตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง 3 ฉบับไม่ใช่ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกมาจากต่างประเทศ ไม่ต้องทำคำคัดค้าน เมื่อครบกำหนดไม่ต้องให้รับรองก็เป็นตั๋วที่สมบูรณ์ ดอกเบี้ยไม่ได้เขียนไว้ในตั๋ว โจทก์จึงเรียกไม่ได้ พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 47,000 บาทแก่โจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 5 ต่อปีอีกด้วย

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ผู้ทรงใช้สิทธิเรียกร้องโดยตรงกับจำเลยผู้ออกตั๋ว มิได้ใช้สิทธิเรียกร้องกับผู้สลักหลังหรือบุคคลอื่นซึ่งต้องรับผิดตามตั๋วนั้น การใช้สิทธิดังกล่าวจึงไม่ใช่การใช้สิทธิไล่เบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 968 ซึ่งจะยกมาบังคับใช้ในคดีนี้ได้ กรณีต้องบังคับตามมาตรา 983(2), 985 ประกอบด้วยมาตรา 911 เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องของโจทก์นั้น จำเลยผู้ออกตั๋วไม่ได้เขียนข้อความกำหนดให้เรียกดอกเบี้ยไว้ โจทก์ย่อมเรียกดอกเบี้ยไม่ได้

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share