แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกเสาไฟฟ้าโดยใช้ล้อพ่วง เมื่อล้อรถพ่วงหลุดทำให้เสาตกลงมาขวางถนน จนกระทั่งค่ำแล้วจำเลยก็ไม่ได้จัดให้มีโคมไฟหรือเครื่องสัญญาณอย่างอื่น เพื่อให้ผู้ใช้ถนนเห็นเสาที่ขวางถนนอยู่นั้น เป็นเหตุให้รถที่แล่นมาชนเสา มีคนตายและบาดเจ็บ ถือได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาท และผลเสียหายเกิดขึ้นจากการที่จำเลยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นได้แต่หากระทำไม่ จำเลยจึงมีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์บรรทุกไม้เสาไฟฟ้าจำนวน ๑๕ ต้นโดยใช้ล้อพ่วงไปตามถนนซูเปอร์ไฮเวย์จากลำปางมาเชียงใหม่ โดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ และบรรทุกไม้เสาจำนวนมากเกินไป ล้อพ่วงทานน้ำหนักไม้เสาไม่ได้ ล้อข้างหนึ่งจึงหลุดออก ไม้เสาตกลงพื้นถนนขวางทางจราจรอยู่ครึ่งถนน จำเลยควรขอแรงชาวบ้านหรือหาวิธีใดวิธีหนึ่งงัดเสาให้ตกลงไปข้างถนนเสีย จำเลยมีเวลาและมีวิธีที่จะกระทำ แต่ไม่กระทำคงทิ้งไม้เสาขวางถนนจนมืดค่ำลงจำเลยก็ไม่จัดการหาโคมไฟหรือเครื่องสัญญาณไฟอย่างใดมาจุดไว้ที่ไม้เสา ทั้งไม่หาสัญญาณใด ๆ ไปบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนถึงไม้เสา เพื่อให้ผู้ขับขี่รถยนต์มองเห็นอันตรายได้ในระยะไกล จำเลยกระทำได้แต่หาได้กระทำไม่ เป็นเหตุให้รถยนต์ ๒ คันแล่นมาชนไม้เสา มีคนตาย ๓ คนบาดเจ็บ ๔ คน ทั้งนี้เกิดจากความประมาทของจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑, ๓๐๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๑, ๓๐๐ ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๙๑ ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำคุกจำเลย ๓ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานประมาทตามฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้ฟังข้อเท็จจริงมาว่า คืนเกิดเหตุจำเลยขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุมีล้อพ่วงบรรทุกไม้ซุงเสาไฟฟ้าจำนวน ๑๕ ต้นจากจังหวัดลำปางจะไปจังหวัดเชียงใหม่ ตามถนนซูเปอร์ไฮเวย์สายลำปาง – เชียงใหม่ ถึงที่เกิดเหตุในเขตอำเภอสารภี ล้อรถพ่วงท้ายรถที่จำเลยขับหลุดออกจากรถพ่วง ทำให้ไม้ซุงเสาไฟฟ้าซึ่งโตราวหนึ่งฟุต ยาว๑๒ เมตร ที่บรรทุกอยู่ตกลงมาบนถนนและอยู่ในลักษณะขวางถนน กีดขวางการจราจรของรถคันอื่น ทั้งที่สวนมาและที่ตามรถจำเลยไป ทั้งเมื่อไม้ซุงตกขวางถนนดังกล่าวแล้ว จำเลยไม่ได้จัดให้มีโคมไฟหรือเครื่องสัญญาณอย่างอื่นเพื่อให้ผู้ขับขี่รถหรือยวดยานอื่น ๆ ที่ใช้ถนนได้มีโอกาสเห็นเสาไฟฟ้าที่ขวางถนนอยู่ เป็นเหตุให้รถยนต์สองคันและรถจักรยานหนึ่งคันซึ่งแล่นมาตามถนนสายนั้นชนเสาไฟฟ้าที่ตกจากรถพ่วงที่จำเลยขับบรรทุกมาและอยู่ในลักษณะขวางถนนนั้น ทำให้นายพันธุ์ศักดิ์ สุนทโรทัย นายสินชัย แซ่อึ้ง และสิบโทถวิลสุรวงศ์ ซึ่งต่างนั่งมาในรถยนต์สองคันถึงแก่ความตายและทำให้นายวินิจและนายนิเวศน์ที่นั่งมาในรถยนต์คันที่นายพันธุ์ศักดิ์ผู้ตายขับได้รับอันตรายถึงสาหัส ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าพฤติการณ์จากการกระทำของจำเลยที่ได้ความดังกล่าวมาแล้วนี้ ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาท และผลเสียหายเกิดขึ้นจากการที่จำเลยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นได้ แต่หากระทำไม่จำเลยจึงมีความผิดฐานประมาททำให้คนตายและได้รับอันตรายสาหัสตามฟ้องโจทก์
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย