แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยมีสำเนาทะเบียนบ้านมาแสดงว่าขณะที่ถูกฟ้องจำเลยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ 5 จังหวัดอุบลราชธานี แต่ปรากฏว่าจำเลยได้แจ้งแก่โจทก์ขณะทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์ว่าอยู่บ้านเลขที่ 389/4 จังหวัดนครราชสีมา และจำเลยอ้างว่าขณะนั้นอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 357 จังหวัดนครราชสีมา แต่เมื่อพนักงานเดินหมายไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่บ้านตามภูมิลำเนาในคำฟ้องคือ บ้านเลขที่ 96 จังหวัดอุบลราชธานี ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยเต็มใจยอมรับหมายไว้แทนโดยไม่มีผู้ใดปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้อยู่ที่บ้านตามที่กล่าวในคำฟ้องและไม่ปรากฏว่าภริยาจำเลยรับหมายไว้แทนจำเลยโดยหลงผิด พฤติการณ์ดังกล่าวเชื่อได้ว่าจำเลยอยู่อาศัยในบ้านเดียวกับภริยา และถือได้ว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งซึ่งอยู่สับเปลี่ยนกันไป ดังนั้นบ้านที่ระบุในคำฟ้องจึงเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งของจำเลย ถือได้ว่าได้ส่งหมายนั้นให้แก่จำเลยทราบโดยชอบแล้ว เมื่อจำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดและไม่ไปศาลในวันสืบพยานจึงต้องถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจจำเลยไม่อาจขอให้พิจารณาใหม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัดและค้ำประกัน จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน187,912.57 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งว่า จำเลยที่ 1 ขาดนัดโดยจงใจ ไม่มีเหตุจะขอให้พิจารณาใหม่ ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้หรือไม่เห็นว่า แม้จำเลยที่ 1 มีสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมาย ร .1มาแสดงว่า ขณะที่จำเลยที่ 1 ถูกฟ้อง จำเลยที่ 1 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ 5 หมู่ที่ 10 ตำบลเหล่าบก อำเภอม่วงสามสิบจังหวัดอุบลราชธานี ก็ตาม แต่โจทก์ก็ส่งอ้างสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเอกสารหมาย จ.3 เป็นพยาน ในเอกสารดังกล่าวปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้แจ้งแก่โจทก์ไว้ว่าอยู่บ้านเลขที่ 389/4 ถนนสุรนารี ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมาและจำเลยที่ 1 ได้เบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านอีกว่า ความจริงแล้วขณะทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี จำเลยที่ 1 อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 357 ถนนสุรนารี ซึ่งเป็นที่อยู่คนละที่กับที่ได้แจ้งโจทก์ไว้ในสัญญาดังกล่าว และมิใช่ภูมิลำเนาตามที่โจทก์ฟ้องนอกจากนี้ยังได้ความอีกว่าเมื่อพนักงานเดินหมายของศาลชั้นต้นไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยที่ 1 ที่บ้านตามภูมิลำเนาในคำฟ้อง คือบ้านเลขที่ 96 ถนนราชบุตร ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี นางยุพา สินธุเชาว์ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 1 เต็มใจยอมรับหมายไว้แทนจำเลยที่ 1 โดยไม่มีผู้ใดปฏิเสธว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้อยู่ที่บ้านตามที่กล่าวอ้างในคำฟ้อง และไม่ปรากฏว่านางยุพารับหมายไว้แทนจำเลยที่ 1 โดยหลงผิด พฤติการณ์ดังกล่าวเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 อยู่อาศัยในบ้านเดียวกับนางยุพาภริยา และถือได้ว่าจำเลยที่ 1 มีถิ่นที่อยู่หลายแห่งซึ่งอยู่สับเปลี่ยนกันไป ดังนั้น บ้านที่ระบุในคำฟ้องเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งของจำเลยที่ 1 การที่พนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับหมายนัดสืบพยานโจทก์ไปส่งตามคำสั่งของศาลโดยมีนางยุพาภริยาของจำเลยที่ 1 เป็นผู้รับไว้แทนจึงถือว่าได้ส่งหมายนั้น ๆ ให้แก่จำเลยที่ 1 ทราบแล้ว โดยชอบจำเลยที่ 1 ไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดและไม่ไปศาลในวันสืบพยานโจทก์ ถือว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ จำเลยที่ 1 จึงไม่อาจขอให้พิจารณาใหม่ได้
พิพากษายืน