คำสั่งคำร้องที่ 816/2530

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด อันเกิดจากการใช้เช็คฯ จำคุก 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาว่าเช็คไม่มีมูลหนี้ จำเลยเชื่อว่ามีสิทธิ หักกลบลบหนี้ได้โดยชอบด้วยกฎหมายและไม่ได้ออกเช็คโดยเจตนา จะไม่ให้มีการใช้เงิน เป็นฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีโจทก์มีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุก 1 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม จึงไม่รับฎีกาของจำเลย จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาสั่งว่า “พิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นฟังว่ายังไม่มีการหักกลบลบหนี้ จำเลยยังมีหนี้จะต้องชำระตามเช็ค แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าไม่เชื่อว่าจำเลยจะมีสิทธิขอหักกลบลบหนี้ ก็เป็นการฟังว่าจำเลยยังมีหนี้ที่จะต้องชำระตามเช็ค จำเลยออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงิน การที่จำเลยฎีกาว่าเช็คไม่มีมูลหนี้ จำเลยเชื่อว่ามีสิทธิหักกลบลบหนี้ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่ได้ออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินซึ่งเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมาจึงเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง”

Share