แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยจะเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แต่จำเลยก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อีกทั้งคดีนี้เกิดก่อนที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ใช้บังคับ แม้พนักงานสอบสวนจะพบการกระทำความผิดและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่จำเลย หลังจากที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ใช้บังคับแล้ว และพนักงานสอบสวนมิได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษก็ตาม ก็หาทำให้การสอบสวนของพนักงานสอบสวนซึ่งมีอำนาจหน้าที่สอบสวนโดยชอบในขณะที่ความผิดเกิดขึ้นต้องเสียไป และมีผลทำให้การสอบสวนดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วยไม่
ย่อยาว
คดีหกสำนวนนี้ เดิมศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1178/2549 ของศาลชั้นต้น โดยให้เรียกโจทก์ทั้งเจ็ดสำนวนว่า โจทก์และเรียกจำเลยทั้งเจ็ดสำนวนว่า จำเลย แต่คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1178/2549 ยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะคดีทั้งหกสำนวนนี้
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งหกสำนวนเป็นใจความว่าขอให้ลงโทษจำเลยทั้งหกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 91, 157, 341 ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินที่ได้รับไปจากผู้เสียหายในแต่ละสำนวนรวมเป็นเงิน 6,371,900 บาท แก่ผู้เสียหาย และนับโทษจำเลยทั้งหกสำนวนต่อกัน
จำเลยทั้งหกสำนวนให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 341 (ที่ถูก ประกอบมาตรา 83) การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำเลยกระทำความผิดรวมหกสำนวน จำคุกสำนวนละ 2 ปี นับโทษจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ 1177/2549, 1179/2549 และ 1173/2549 ของศาลชั้นต้น ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1173/2549 ของศาลชั้นต้น ตามลำดับ (ที่ถูก นับโทษจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ 1173/2549, 1174/2549, 1175/2549, 1176/2549, 1177/2549 และ 1179/2549 ของศาลชั้นต้น ติดต่อกัน) ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินในคดีหมายเลขแดงที่ 1173/2549 ของศาลชั้นต้น จำนวน 1,260,000 บาท คดีหมายเลขแดงที่ 1174/2549 ของศาลชั้นต้น จำนวน 1,469,900 บาท คดีหมายเลขแดงที่ 1175/2549 ของศาลชั้นต้น จำนวน 900,000 บาท คดีหมายเลขแดงที่ 1176/2549 ของศาลชั้นต้น จำนวน 1,050,000 บาท คดีหมายเลขแดงที่ 1177/2549 ของศาลชั้นต้น จำนวน 825,000 บาท และคดีหมายเลขแดงที่ 1179/2549 ของศาลชั้นต้น จำนวน 867,000 บาท (ที่ถูก แก่ผู้เสียหาย) ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยทั้งหกสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
จำเลยทั้งหกสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า ข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต พนักงานสอบสวนพบการกระทำความผิดและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่จำเลยหลังจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ใช้บังคับ ซึ่งมาตรา 89 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่า ในกรณีที่ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์หรือมีผู้กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมิใช่บุคคลตามมาตรา 66 อันเนื่องมาจากได้กระทำการตามมาตรา 88 ให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษเพื่อจะดำเนินการตามบทบัญญัติในหมวดนี้ ฯลฯ คดีนี้พนักงานสอบสวนไม่ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาภายในสามสิบวัน การสอบสวนจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า แม้จำเลยจะเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แต่จำเลยก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อีกทั้งคดีนี้เกิดก่อนที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ใช้บังคับ แม้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี จะพบการกระทำความผิดและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่จำเลยหลังจากที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ใช้บังคับแล้ว และพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบมิได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษก็ตาม ก็หาทำให้การสอบสวนของพนักงานสอบสวนซึ่งมีอำนาจหน้าที่สอบสวนโดยชอบในขณะที่ความผิดเกิดขึ้นต้องเสียไป และมีผลทำให้การสอบสวนดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วยไม่ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน