คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2056/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

แม้โจทก์จะนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจำเลยเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาแล้วก็ตาม แต่เมื่อยังไม่มีการขายทอดตลาด และต่อมาศาลอีกคดีหนึ่งได้พิพากษาตามยอมให้จำเลยโอนทรัพย์ดังกล่าวแก่ผู้ร้อง ผู้ร้องย่อมมีสิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับจำเลยให้จดทะเบียนสิทธิเหนือทรัพย์ดังกล่าวได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1300 และมีสิทธิร้องขอให้ศาลเพิกถอนการยึดทรัพย์ดังกล่าวได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ จำนวน 250,000 บาท แบ่งชำระ 3 งวด ภายในวันที่ 25 เมษายน 2540 แต่จำเลยไม่ชำระ โจทก์ขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 37924 ตำบลบางคูวัด (บางคูวัดเหนือ) อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี พร้อมทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น เลขที่ 131/32 ของจำเลย
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์นำยึดศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาตามยอมให้จำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ร้องแล้ว ตามคดีหมายเลขแดงที่ 12451/2543 ผู้ร้องเป็นผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 การที่โจทก์นำยึดเป็นการกระทบสิทธิของผู้ร้องเพราะไม่สามารถนำคำพิพากษาตามยอมไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมาเป็นของผู้ร้องได้ ขอให้เพิกถอนการยึด
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก่อนผู้ร้อง การที่โจทก์นำยึดที่ดินเพื่อออกขายทอดตลาดเป็นการใช้สิทธิตามขั้นตอนของกฎหมายและมีสิทธิดีกว่าผู้ร้อง ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นสอบข้อเท็จจริงจากผู้ร้องและโจทก์แล้ว เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ให้สืบพยานแล้วมีคำพิพากษาให้เพิกถอนการยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 27924 ตำบลบางคูวัด (บางคูวัดเหนือ) อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี พร้อมทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น เลขที่ 131/32
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนการยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 37924 ตำบลบางคูวัด (บางคูวัดเหนือ) อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานีพร้อมทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น เลขที่ 131/32 นอกจากที่แก้ค้งให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งได้ดำเนินการบังคับคดีไปก่อนผู้ร้อง การที่ผู้ร้องขอให้เพิกถอนการยึดทรัพย์เป็นการกระทบสิทธิในการบังคับคดีของโจทก์ที่มีอยู่ก่อนและได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการบังคับคดีของโจทก์นั้น เห็นว่า แม้โจทก์จะดำเนินการบังคับคดีไปก่อนที่ผู้ร้องจะเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาก็ตามแต่เมื่อศาลแพ่งมีคำพิพากษาตามยอมให้จำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องย่อมมีสิทธิตามคำพิพากษาดังกล่าวที่จะบังคับให้จำเลยจดทะเบียนสิทธเหนือทรัพย์พิพาทได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 ดังนั้น เมื่อยังมิได้มีการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทผู้ร้องก็ย่อมใช้สิทธิร้องขอให้เพิกถอนการยึดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ได้ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share